กปปส.บุกตัดโซ่คล้องประตูก.แรงงาน แต่ห้ามมวลชนเข้า "ชุมพล" ปราศรัยจวกรัฐ มีตร. 2 กองร้อยประจำการในกระทรวง "ณัฐฏพล" แจงทราบข่าว "เหลิม" ประชุมศรส. จึงมาถามเหตุใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เหตุชุมนุมสงบ ข้องใจส่อสลายชุมนุม รองผบช.น. รับตั้งศูนย์ศรส.ในนี้ ไม่รู้มีประชุม ยันข้างในไม่มีเคลื่อนไหว ตร.ไร้นโยบายรุนแรงปชช. พร้อมเร่งจับตัวมือบึ้ม มีเบาะแสให้แจ้ง ก่อนมวลชนเคลื่อนกลับ
วันนี้ (22ม.ค.) ผู้ชุมนุมกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) นำโดยนายชุมพล จุลใส นายสกลธี ภัททิยะกุล นายพุทธิพงศ์ ปุณณกันต์ และนายณัฐฏพล ทีปสุวรรณ ได้ให้การ์ดอาสาทำการตัดโซ่ที่คล้องประตู 3 ของกระทรวงแรงงาน เพื่อเปิดประตูกระทรวง แต่ห้ามไม่ให้มวลชนเข้าไปในพื้นที่ โดยนายชุมพลได้ปราศรัยโจมตีรัฐบาลและการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยเฉพาะ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รักษาการ รมว.แรงงาน ในฐานะ ผอ.ศรส.ด้วย อย่างไรก็ตามสื่อมวลชนได้เข้าไปสำรวจภายในพบว่ามีการเตรียมเจ้าหน้าที่ตำรวจราว 2 กองร้อย โดยเป็นกำลังจากตำรวจนครบาลและตำรวจกองปราบปราม อยู่ใต้อาคาร 15 ชั้นซึ่งที่ตั้งของห้องทำงาน รมว.แรงงานด้วย
จากนั้น พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รอง ผบช.น. ได้ออกมาพบกับแกนนำ กปปส.โดยนายณัฐฏพลได้เป็นตัวแทนกล่าวว่า ที่เดินทางกระทรวงแรงงานวันนี้ เนื่องจากทราบข่าวว่า ร.ต.อ.เฉลิมได้เรียกประชุม ศรส.และอาจตั้งศูนย์บัญชาการที่นี่ จึงต้องการมาขอทราบเหตุผลในการออก พ.ร.ก.ฉุกกเฉินของรัฐบาล เนื่องจากตลอด 80 วันที่ผ่านมา ประชาชนชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ ไม่มีแนวโน้มที่จะเกิดความรุนแรง รวมทั้งเห็นว่าการออกประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้เกิดข้อสงสัยใยสังคม อีกทั้งอาจมีการสลายการชุมนุมหรือทำร้ายประชาชน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทาง กปปส.ได้พยายามไปสอบถามแล้วที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม แต่ก็ไม่
ด้าน พล.ต.ต.ฐิติราช กล่าวยอมรับว่า ทราบเป็นการภายในว่าอาจจะมีการตั้งศูนย์บัญชาการ ศรส.ที่กระทรวงแรงงาน จึงได้รับมอบหมายให้มาดูแลสถานที่ แต่ไม่ทราบรายละเอียดว่ามีการประชุมหรือการตั้งศูนย์แต่อย่างใด รวมทั้งยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆด้านใน ส่วนรถยนต์ที่กลุ่มผู้ชุมนุมเห็นว่าเป็นของผู้ใหญ่ในรัฐบาลนั้น ยืนยันว่าเป็นของตนเอง
พล.ต.ต.ฐิติราช กล่าวอีกว่า ขอยืนยันว่าตำรวจไม่มีนโยบายที่จะใช้แก๊สน้ำตาหรือใช้ความรุนแรงกับประชาชน โดยเฉพาะในขณะนี้ที่มีความพยายามในการสร้างความรุนแรงเพื่อให้เกิดความแตกแยกในสังคม ทั้งนี้ตนในฐานะที่ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าชุดสอบสวนเหตุการณ์ระเบิดทั้งที่ ถ.บรรทัดทอง และอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ก็พยายามเร่งติดตามสอบสวนหาผู้กระทำผิดอย่างเต็มที่ โดยหากผู้ใดมีเบาะแสสามารถแจ้งเข้ามาได้ เพื่อให้การติดตาทสืบสวนทำได้ง่ายขึ้น และเพื่อสาวไปถึงบุคคลที่อยูีเบื้องหลังหรือผู้สั่งการด้วย โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่อนุสาวรีย์ฯซึ่งมีหลักฐานปรากฎใบหน้าคนร้ายชัดเจนมาก
จากนั้นแกนนำ กปปส.จึงได้ประกาศนำมวลชนกลับเวทีเมื่อเวลา 15.50 น. โดยไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น
