xs
xsm
sm
md
lg

พท.ปัดพัลวัน! ไม่เกี่ยวบึ้ม เชื่อฝีมือพวกใจดำอำมหิต กุส่อระเบิดถี่หวังรัฐประหาร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (แฟ้มภาพ)
รองหัวหน้าเพื่อไทย จี้ ศอ.รส.รีบหามือปาบึ้มใส่ม็อบ ด้าน “ดีเจแดง” โวคอการเมืองรู้ใครได้ประโยชน์จากเหตุ โวยรัฐจะทำเพื่อทำร้ายตัวเองทำไม ก่อนประณามความรุนแรง พร้อมปฏิเสธไม่เกี่ยว ซัดพวกใจดำอำมหิต ขู่อย่าหวังชัยชนะจากการย่ำศพประชาชน กุบึ้มเพิ่มหลังปิดกรุงแป้กหวังรัฐประหาร

วันนี้ (21 ม.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย เมื่อเวลา 11.45 น. พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พฤติกรรมของผู้ก่อเหตุที่ต้องการให้เกิดความรุนแรงเพื่อให้รัฐบาลเสียหาย ไม่น่าจะใช่ฝีมือกลุ่มผู้ชุมนุมหรือรัฐบาล คนที่ปาระเบิดก็วนเวียนอยู่ในกลุ่มผู้เดินขบวน กปปส.ได้มีการแฝงตัวห้อยนกหวีดให้กลมกลืนกับผู้ชุมนุม จึงอยากให้ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) รีบทำความให้กระจ่าง เร่งหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษโดยเร็ว

ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีเหตุการณ์ปาระเบิดที่ถนนบรรทัดทอง และเวที กปปส.อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จากเหตุการณ์ทั้งสองที่นั้นผู้ก่อเหตุเป็นกลุ่มคนกลุ่มเดียวกัน เจ้าหน้าที่กู้ระเบิดที่ได้มาทำการตรวจและทำลายวัตถุระเบิด ได้ระบุทั้งสองที่นั้นเป็นระเบิดสังหารอาร์จีดี 5 ชนิดเดียวกัน

นายอนุสรณ์กล่าวว่า คนที่ติดตามการเมืองมองออกว่าใครเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์จากสถานการณ์ความรุนแรงนี้ ใครพยายามแสวงหาโอกาสจากความขัดแย้ง และก่อเหตุความรุนแรง แต่ก็ยังมีกลุ่มคนที่พยายามกล่าวหาว่ารัฐบาลนั้นอยู่เบื้องหลัง ทั้งที่รัฐบาลเป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง จะไปก่อเหตุความรุนแรงเพื่อทำร้ายตัวเองทำไม เนื่องจากรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย ไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ ขอประณามการสร้างสถานการณ์ความรุนแรงในครั้งนี้ และขอปฏิเสธอย่างเป็นทางการว่ารัฐบาลและพรรคเพื่อไทยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆในเหตุการณ์ความรุนแรงทุกเหตุการณ์ และไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใดก็ตามที่สร้างสถานการณ์ ถือว่าใจดำโหดร้ายอำมหิตมาก พรรคเพื่อไทยขอสนับสนุนให้มีการเปิดพื้นที่เพื่อการตรวจสอบ ขอให้ทุกฝ่ายยอมรับกระบวนการนิติวิทยาศาสตร์ และขอเรียกร้องอย่าใช้ความรุนแรงมาเป็นเครื่องมือเพื่อการบรรลุเป้าหมายทางการเมือง อย่าหวังชัยชนะจากการเหยียบศพประชาชนที่มาร่วมชุมนุม หยุดกล่าวหาองค์กร สถาบันใด โดยไม่มีหลักฐาน

นายอนุสรณ์กล่าวอีกว่า ทางพรรคได้ประเมินสถานการณ์หลังจากนี้ไปเชื่อว่า แนวโน้มสถานการณ์น่าจะออกมาใน 2 แนวทาง คือ 1. การสร้างสถานการณ์ก่อเหตุความรุนแรงลดลง จากการที่ผู้ก่อเหตุกังวลว่าจะถูกจับกุมตัวได้ง่าย จากการดำเนินการอย่างเข้มงวดของ ศอ.รส.ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีกล้องวงจรปิดที่ครอบคลุม และความตื่นตัวของประชาชนคนไทยที่ต้องการช่วยสืบหาตัวผู้กระทำผิด 2. สถานการณ์จะมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น เพราะการปิดกทม.เป็นมุกแป้ก ไม่มีผลให้รัฐบาลอ่อนแอ จำเป็นต้องก่อเหตุความรุนแรง ต้องระเบิดมากขึ้น ไม่จำกัดรูปแบบและช่วงเวลา เพราะเป็นเครื่องมือเดียวที่เหลืออยู่ เพื่อนำไปสู่การเรียกร้องปฏิวัติรัฐประหาร


กำลังโหลดความคิดเห็น