เปิดแผนสำรอง กกต. ใช้สำนักงานให้ 34 พรรคจับเบอร์ เตรียมงัดระเบียบข้อ 5 ออกมติงดเว้นการให้พรรคการเมืองจับสลาก หากทุกพรรคมีมติมอบหมาย ระบุทำเต็มที่หากพ้น 27 ธ.ค.ยังจับสลากไม่ได้โยน รบ.พิจารณาหาทางแก้ไข กันถูกฟ้องปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบซ้ำรอย กกต.3 หนา
วันที่ 25 ธ.ค. รายงานข่าวจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แจ้งว่า สำหรับกรณีที่ กกต.ยังคงยืนยันใช้อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนไทยญี่ปุ่นดินแดง เป็นสถานที่ในการรับสมัคร และให้ผู้แทน 34 พรรคการเมืองเดินทางไปจับสลากหมายเลขประจำพรรคในเวลา 09.00 น.วันพรุ่งนี้นั้น กกต.ได้เตรียมแผนสำรองไว้กรณีหากทั้งหมดเดินทางไปยังอาคารกีฬาเวสน์ 2 แล้วไม่สามารถเข้าไปทำการตรวจสอบเอกสาร จ่ายเงิน และจับสลากหมายเลขประจำพรรคได้ โดยจะนำประกาศ กกต.เรื่องการเปลี่ยนสถานที่รับสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ลงในราชกิจจานุเบกษาทันที ซี่งคาดว่าสถานที่รับสมัครใหม่นั้นคาดว่าจะเป็นที่สำนักงาน กกต.ชั้น 9 เพื่อให้พรรคการเมืองได้มีการจับสลากหมายเลขประจำพรรคกัน
ทั้งนี้ ขณะนี้ในส่วนของสำนักงานก็ได้มีการตรวจสอบกรณีที่พรรคร่วมรัฐบาล และพรรคเล็กที่ได้ยื่นสมัครในระบบบัญชีรายชื่อได้มีการประชุมและตกลงกันที่จะขอให้ กกต.เป็นผู้จับสลากหมายเลขประจำพรรคให้ว่า ในทางข้อกฎหมายแล้วสามารถทำได้แค่ไหน และเห็นว่าหากพรรคการเมืองทั้งหมดมีมติที่จะให้ดำเนินการเช่นนั้นจริง โดยมีหนังสือยินยอมจากทุกพรรค เป็นไปได้ที่ กกต.อาจจะมีมติให้งดเว้นไม่ต้องให้พรรคการเมืองจับสลากหมายเลขประจำพรรคตามที่ระเบียบ กกต.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2554 กำหนดไว้ โดยให้ประธานกกต.ใช้ข้อ 5 ของระเบียบดังกล่าวที่ระบุว่า ให้ประธาน กกต.เป็นผู้รักษาการตามระเบียบนี้ กรณีจำเป็นที่อาจปฏิบัติตามระเบียบนี้หรือเห็นสมควรให้มีการปฏิบัตินอกเหนือจากระเบียบนี้ให้ขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งก่อนเป็นกรณีๆ ไป มาดำเนินการ
ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าสถานที่รับสมัค รส.ส.แบบบัญชีรายชื่อแห่งใหม่ที่ กกต.ได้ประกาศนั้น อาจจะเป็นสถานที่ที่ทั้ง กกต.ใช้สำหรับการให้ 34 พรรคการเมืองมาจับสลาก หรือ กกต.ดำเนินการจับสลากหมายเลขประจำพรรคแทนพรรคการเมือง โดยมีบุคคลต่างๆ รวมถึงสื่อมวลชนเป็นสักขีพยาน และเป็นสถานที่รับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อวันสุดท้ายคือวันที่ 27 ธ.ค.ด้วย
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าในการประชุมหารือของ กกต. ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าหากถึงวันที่ 27 ธ.ค.แล้ว กกต.ไม่สามารถทำให้เกิดการจับสลากหมายเลขประจำพรรคได้ ก็จะไม่มีการขยายวันรับสมัครเลือกตั้งออกไป โดยควรที่ กกต.จะต้องรายงานถึงปัญหาที่เกิดขึ้นให้กับนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้รับสนองพระบรมราชโองการ และผู้รักษาการตาม พ.ร.ฎ.ยุบสภาผู้แทนราษฎรทราบว่า กกต.ในฐานะที่ประธาน กกต.เป็นผู้ร่วมรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ได้ดำเนินการในการที่จะให้มีการเปิดรับสมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อซึ่งเป็นหนึ่งในกระบวนการจัดการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างเต็มที่สุดความสามารถแล้ว แต่ไม่สามารถทำให้เกิดการรับสมัครได้ จึงขอให้รัฐบาลในฐานะที่นายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการและเป็นผู้รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ได้ดำเนินการพิจารณาแก้ไขปัญหาต่อไป เพราะถ้าหาก กกต.เลื่อนวันรับสมัคร หรือยังจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ก็จะทำให้ กกต.ต้องแบกรับกับความเสียหายที่เกิดขึ้นแต่เพียงฝ่ายเดียว ซึ่งก็อาจนำมาสู่การถูกฟ้องร้องดำเนินการฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบได้