โฆษก ปชป.เตือน กกต.ระวังซ้ำรอย กกต.ปี 49 เหตุส่อขัด กม.ระเบียบ กกต. ให้พรรคลงชื่อสมัครเลือกตั้งยามวิกาล ให้ใช้สถานี ตร.แสดงเจตนารมณ์ ย้อน พท.อยากเลือกตั้งต้องมีความบริสุทธิ์ ฉะเกิดวิกฤตถึงฟัง ปชช.เพื่อต่ออายุ คาด กกต.เลื่อนเลือกตั้ง
วันนี้ (24 ธ.ค.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ถึงกรณีเหตุการณ์ความไม่เรียบร้อยในการสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ เมื่อวานนี้ (23 ธ.ค.) ว่า ตนเกรงว่าทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องระวังว่าในหลายๆ กรณีที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ส่อจะขัดกับกฎหมายและระเบียบของ กกต.เอง ที่สำคัญก็คือ การเปิดโอกาสให้ 8 พรรคการเมืองมาแสดงเจตจำนงว่ามาลงชื่อก่อนเวลารับสมัครตั้งแต่เวลา 03.00 น. ในคืนวันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม ซึ่งตนสงสัยว่า เหตุใดมีเจ้าหน้าที่ของ กกต.มาปฏิบัติหน้าที่ในสถานที่รับสมัคร คือ อาคารกีฬาเวสน์ 2 สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ทั้งๆ ที่เวลาดังกล่าวเป็นช่วงยามวิกาล ไม่ใช้เวลาการทำงานของราชการปกติ จึงมีข้อสงสัยว่าทาง กกต.ได้มีการขออนุญาตจากเจ้าของสถานที่ที่จะต้องใช้เวลานอกราชการ จากกรุงเทพมหานคร ถูกต้องตามระเบียบของ กทม.แล้วหรือไม่
นายชวนนท์กล่าวต่อว่า และกรณีที่ทาง กกต.ใช้สถานีตำรวจนครบาลดินแดง เป็นที่แสดงเจตนารมณ์ของพรรคการเมืองว่าจะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งครั้งนี้นั้น ขัดต่อระเบียบ กกต.เองอีกด้วย ดังนั้น ตนจึงไม่อยากให้คณะกรรมการการเลือกตั้งทั้ง 5 คนทำผิดกฎหมายเสียเอง ซึ่งตนไม่อยากให้ กกต.ชุดนี้มีชะตากรรมเหมือน กกต.ชุดที่จัดการเลือกตั้ง ในปี 2549 นอกจากนี้ ทางรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย ย้ำอยู่เสมอว่า ต้องการให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 ให้ได้ เพราะฉะนั้น การเลือกตั้งในครั้งนี้ ต้องปฏิบัติตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การเลือกตั้งมีความบริสุทธิ์และชอบธรรม เพราะถ้าการเลือกตั้งในครั้งนี้มีผู้วินิจฉัยว่าเป็นการเลือกตั้งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้เกี่ยวข้องต้องรับผิดชอบ
นายชวนนท์กล่าวอีกว่า ทาง กกต.จะมีการประชุมเพื่อหาทางออกในเรื่องดังกล่าว ซึ่งตนทราบว่า นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารจัดการเลือกตั้ง มีแนวคิดที่เลื่อนเลือกตั้งออกไปก่อน ซึ่งสะท้อนว่า ก่อนหน้านี้ที่ทุกฝ่ายพร้อมที่จะพูดคุยกันนั้น ทางรัฐบาลปฏิเสธข้อเสนอของฝ่ายต่างๆ มาโดยตลอด แต่พอฝ่ายรัฐบาลเข้าตาจน กลับมายอมรับฟังเสียงของประชาชนเพื่อต่อลมหายใจของตัวเอง ดังนั้น นี่คือพฤติกรรมของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย ที่มีแนวโน้มจะรับฟังเสียงของประชาชนในยามที่ตัวเองเกิดวิกฤตจนแทบจะไร้อากาศหายใจเท่านั้น