ป.ป.ช.เริ่มไต่สวนคดีแก้ รธน.ที่มา ส.ว. “วิรัตน์” ยันมีหลักฐานชัด จี้รีบฟันก่อนเลือกตั้งใหญ่

ป.ป.ช.เริ่มไต่สวนคดีฟัน สมาชิกรัฐสภา แก้รัฐธรรมนูญที่มา ส.ว.แล้ว “วิรัตน์” ยันมีหลักฐานชัด เตรียมขอ ป.ป.ช.เรียกคลิปลงมติดู หวังองค์กรอิสระจัดการโดยเร็ว เสร็จก่อนเลือกตั้งยิ่งดี


วันนี้ (13 ธ.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.ได้เริ่มไต่สวนคดีกล่าวหานายกรัฐมนตรี ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา และสมาชิกรัฐสภา 383 คน กรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าการเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่มา ส.ว.ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ โดยช่วงเช้าได้ให้ผู้นายสำราญ นาบุตร ผู้เชี่ยวชาญด้านคดีและวิชาการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งได้รับมอบหมายจากเลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเข้าชี้แจง จากนั้นช่วงบ่ายนายวิรัตน์ กัลยาศิริ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ และยื่นถอดถอนต่อ ป.ป.ช.ได้เข้าชี้แจง

โดยนายวิรัตน์กล่าวก่อนการชี้แจงว่า เห็นว่าเรื่องหลักฐานชัดเจน ทั้งการเสียบบัตรแสดงตนและลงคะแนนแทนกันของสมาชิกรัฐสภา การปลอมญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับที่มา ส.ว. การตัดสิทธิผู้อภิปราย ถือว่าผิดทั้งวิธีบัญญัติและสบัญญัติ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยไว้แล้ว โดยเฉพาะเรื่องการลงมติรับหลักการในวาระ 1 ส่วนการลงมติรับหลักการในวาระ 3 จะขอให้ ป.ป.ช.เรียกหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอการประชุมร่วมรัฐสภาที่มีการลงมติเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับที่มา ส.ว.ด้วยการขานชื่อ

“เรื่องนี้ข้อกฎหมายครบถ้วนแล้ว เหลือแต่ประเด็นข้อเท็จจริงที่ผู้ถูกร้องบางคนอ้างว่าไม่ได้ลงมติเห็นชอบ ถ้าป.ป.ช.ทำเรื่องของคลิปวิดีโอไปยังรัฐสภาในวันนี้เชื่อว่าในวันที่ 16 ธ.ค.ก็จะได้หลักฐานชิ้นนี้แล้ว และเมื่อ ป.ป.ช.นำมาพิจารณาทุกอย่างก็จบ คดีนี้ผู้ถูกร้องเยอะก็จริง แต่เนื้อหานิดเดียว” นายวิรัตน์กล่าว

นายวิรัตน์กล่าวต่อว่า ส่วนตัวอยากให้ ป.ป.ช.พิจารณาเรื่องนี้ให้เร็ว แต่ต้องไม่กระทบต่อกระบวนวิธีพิจารณาของ ป.ป.ช. ยิ่งเสร็จก่อนวันที่ 2 ก.พ. 57 ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งทั่วไปยิ่งดี เพราะจะได้ชัดเจนว่าใครควรจะทำหน้าที่อะไร ส่วน ส.ว.บางส่วนที่เป็นผู้ถูกร้องหาก ป.ป.ช.ชี้มูลก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที และจะไม่สามารถลงมติเรื่องที่ ป.ป.ช.ยื่นถอดถอนตัวเองได้ เนื่องจากจะเข้าลักษณะขัดกันแห่งหใส.ว.ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องดำเนินการ ซึ่งตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. กำหนดให้ใช้เสียง 3 ใน 5 ของ ส.ว.เท่าที่มีอยู่ ส่วนการดำเนินคดีอาญา ป.ป.ช.จะส่งเรื่องไปที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองดำเนินการ