ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ผู้สื่อข่าวเอเอสทีวีผู้จัดการ ประจำทำเนียบรัฐบาล ยอมรับถาม “ยิ่งลักษณ์” ประเด็นผู้ชุมนุมไล่ตระกูลชินวัตร ทำหลั่งน้ำตา ชี้เจ้าตัวยิ้มใส่สื่อโดยรวมให้เห็นว่าเข้มแข็ง ยันนักข่าวไม่จำเป็นต้องขอโทษ เพราะทำตามหลักการหาความจริงนำเสนอประชาชน
วันนี้ (12 ธ.ค.) จากกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และรักษาการ รมว.กลาโหม แถลงข่าวที่สโมสรทหารบก ในตอนหนึ่งถามว่า เหตุใดกลุ่มผู้ชุมนุมใช้เหตุผลอะไรมาไล่คนตระกูลชินวัตร ออกนอกประเทศทั้งหมด นายกฯ กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ และน้ำตาคลอเบ้าเกือบจะไหลว่า “จริงๆ ต้องเรียนว่าเป็นความรู้สึก ถ้าถามว่าเป็นใครก็เชื่อว่าทุกคนก็คงจะมีความรู้สึก ดิฉันไม่ใช่ไม่มีความรู้สึก ดิฉันได้ฟังมาตลอดกับการร้องขอกับผู้ชุมนุม การที่กล่าวถึงทั้งตระกูลนั้น ดิฉันก็ถือว่าเราเป็นคนไทยด้วยกัน จะถึงขนาดไม่ให้เหยียบอยู่ในแผ่นดินไทยเลยหรือ เราจะเป็นกันอย่างนี้หรือ ดิฉันถอยไม่รู้ว่าจะถอยอย่างไรแล้ว ก็ขอความเป็นธรรมด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ” จากนั้นได้รีบลงจากโพเดียม และเข้าห้องรับรองด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ต่อมาหลังจากที่ในโซเชียลมีเดียได้เผยแพร่วิดีโอคลิปที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ลงจากโพเดียมหลังแถลงข่าวเสร็จได้เดินออกไป ปรากฏว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้หันมายิ้มให้กับทีมงานที่เดินตามมา จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่มีความจริงใจ ขณะที่แฟนเพจ “ไทยอดทน” และเว็บบอร์ดกลุ่มคนเสื้อแดงได้อ้างถึงเพื่อนนักข่าวที่อยู่ในเหตุการณ์ แต่ไม่บอกว่าเป็นใครหรือสำนักไหน ระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ร้องไห้จากคำถามของนักข่าวเอเอสทีวี หลังให้สัมภาษณ์จึงรีบเดินเข้าไปขอโทษนายกฯ โดยพูดไล่หลังว่า ท่านนายกฯ โกรธไหมคะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หันมายิ้มทั้งน้ำตาเหมือนบอกว่า ไม่โกรธ
อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามไปยังผู้สื่อข่าวเอเอสทีวีผู้จัดการ ประจำทำเนียบรัฐบาล ยอมรับว่าเป็นคนถามคำถามที่ทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตอบคำถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ และน้ำตาคลอเบ้า แต่ไม่ได้กล่าวขอโทษหลังจากแถลงข่าวเสร็จ ซึ่งตอนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยิ้มนั้นเห็นว่าเป็นการยิ้มใส่สื่อโดยรวม แสดงให้เห็นว่าตนเข้มแข็ง ซึ่งขณะนั้นตนอยู่ในวงโฆษกรัฐบาล อีกทั้งตนเห็นว่าหากตั้งคำถามไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปเดินตามขอโทษ เพราะตามหลักต้องการความจริงนำเสนอประชาชน ซึ่งกว่าจะได้ถามต้องแข่งกับนักข่าวสำนักอื่นๆ เข้าไปถึง 5-6 คำถามแล้ว
ทั้งนี้ คำตอบของผู้สื่อข่าวเอเอสทีวีผู้จัดการ ประจำทำเนียบรัฐบาล ระบุดังต่อไปนี้
“ใช่ คนถามคือพี่เอง แต่ที่บอกเดินไปขอโทษนายกฯ ไม่จริงค่ะ ดูจากภาพสิคะ ตอนนายกฯ ยิ้มก่อนเดินเข้าห้องวีไอพี ก็ไม่ได้ยิ้มให้พี่นะ แต่เป็นการยิ้มใส่สื่อโดยรวม โชว์ว่าฉันเข้มแข็ง ขณะนั้นพี่หันหลังให้นายกฯ ยืนงงๆ ในวงโฆษกรัฐบาล
ที่สำคัญไม่จำเป็นที่ตั้งคำถามไปแล้ว ต้องไปเดินตามขอโทษ ไม่ใช่วิสัยของพี่ค่ะ และพี่ก็ไม่เห็นความจำเป็นต้องไปขอโทษอะไร ที่เดินตามไปเพื่อเก็บบรรยากาศและสีหน้าหลังนางลงจากโพเดียม ซึ่งสื่อทุกคนต้องเกาะติด เพราะสีหน้าและอารมณ์จะช่วยเสริมข่าวให้มีคุณภาพมากขึ้น
และในหลักความเป็นจริงเราถามไปแล้วทำไมต้องไปขอโทษด้วย เราถามเพราะต้องการความจริงนำเสนอประชาชน ไม่เห็นมีใครถามคำถามนี้ ก็เลยลองถามดู กว่าจะได้รับคำตอบรู้มั้ยต้องตะโกน “นายกฯ คะ” “นายกฯคะ” แข่งกับนักข่าวสำนักอื่นๆ อีกมากมาย กว่าจะหันมาตอบคำถามเราปาเข้าไปคำถามที่ 5-6 ไปแล้ว”
คนเสื้อส้มน่ะพี่ เห็นมั้ย ยืนคุยกับโฆษก ไม่ได้สนใจรอยยิ้มของนายกฯ เลย
ส่วนที่ถามเรื่องโกรธไม่โกรธ ในวันนั้นสื่อหลายคนกรูเข้าไปถามอีกหลังนายกฯ ออกจากห้องรับรอง โดยถามพร้อมๆ กันว่า โกรธเหรอถูกตั้งคำถามแบบนั้น ซึ่งนายกฯ ก็บอกว่าไม่โกรธ เป็นคำถามที่อยากตอบ และได้ตอบแล้วในสิ่งที่อัดอั้น ซึ่งในเนื้อข่าววันก็นั้นก็มีส่งไป
คือพวกสื่อพยายามจับอาการนายกฯ มากกว่าว่าร้องไห้เพราะอะไร แต่ไม่มีขอโทษนะ
ถูกตั้งคำถามแบบนั้นโกรธเหรอ นายกฯ บอกไม่โกรธ อยากตอบ
พี่เคยโดนนายกฯ บ่นบ่อยๆ นักข่าวเอเอสทีวี ถามดุ ถามจ้องจับผิด ถามหน้าไม่ยิ้ม และก็จะโดนตัดคำถามบ่อยๆ ถ้าถามไม่เข้าหู โดยเฉพาะถามเรื่องพี่ชาย สะบัดบ๊อบทันที”