“เด็จพี่” เผยเพื่อไทยนัดประชุมพิเศษพรุ่งนี้ เย้ยม็อบ “สุเทพ” แค่คนส่วนหนึ่ง ลั่นนายกฯ ไม่ออก ไม่ยุบสภา ไม่เอามาตรา 7 จวกประชาธิปัตย์ใช้ยุทธศาสตร์เดิน 2 ขา ชี้ รธน.50 ไม่เหมือนปี 16 นายกฯ ต้องเป็น ส.ส.เท่านั้น เชื่อประชาชนไม่ยอมสภาประชาชนแน่ เย้ยเผด็จศึกพรุ่งนี้แค่ให้ความหวัง
วันนี้ (5 ธ.ค.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในวันที่ 6 ธ.ค.นี้ พรรคเพื่อไทยเรียกประชุม ส.ส.พรรคเป็นกรณีพิเศษ เพื่อหารือสถานการณ์การเมืองกรณีที่ม็อบนายสุเทพ เทือกสุบรรณ จะปลุกระดมมวลชนเพื่อเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งจะได้หารือกันถึงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่ม กปปส.ข้อเสนอการจัดตั้งสภาประชาชน ไปจนถึงข้อเรียกร้องเรื่องขอนายกฯ พระราชทานตามมาตรา 7 ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ขณะที่พรรคเพื่อไทยยืนยันว่านายกฯ จะไม่ยุบสภาฯ หรือลาออกตามที่ม็อบนายสุเทพกดดัน เพราะไม่ใช่ทางออกของประเทศ แต่จะเป็นการสร้างความขัดแย้งให้เพิ่มขึ้น เพราะม็อบนายสุเทพเป็นเพียงมวลชนส่วนหนึ่งเท่านั้น ที่อ้างว่ามวลมหาประชาชนต้องการนายกฯ พระราชทานตามมาตรา 7 เป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น
นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ส่วนกรณีที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก โดยระบุนายกฯ ต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งโดยเร็ว เพราะสถานการณ์ขณะนี้ยากที่รัฐบาลจะบริหารราชการแผ่นดินให้บ้านเมืองเกิดความเรียบร้อยต่อไปได้แล้วนั้น เป็นลักษณะเล่นการเมืองแบบตีสองหน้า เดินสองขา นายจุรินทร์ใช้ความเป็นนักการเมืองออกมากดดัน อีกทางก็ให้ม็อบนายสุเทพยังคงเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาล น่าจะทำตัวเป็นเผด็จการเสียงข้างน้อย
โฆษกเพื่อไทยกล่าวว่า ส่วนที่นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุข้อเรียกร้องนายกฯ พระราชทานตามมาตรา 7 ถือเป็นคำตอบที่ภาคประชาชนต้องการและเป็นไปตามรัฐธรรมนูญนั้น เป็นการกระทำที่สอดคล้องกับข้อเรียกร้องของนายสุเทพ อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ ทั้งนี้ยืนยันว่าเป็นเรื่องที่กระทำไม่ได้และผิดกฎหมาย ที่อ้างว่ากระทำได้โดยอ้างกรณีในสมัยนายสัญญา ธรรมศักดิ์นั้น ธรรมนูญการปกครองขณะนั้นไม่ได้ระบุว่านายกฯ ต้องมาจาก ส.ส.ซึ่งต่างจากรัฐธรรมนูญปี 50 ที่นายกฯ ต้องมาจาก ส.ส.เท่านั้น ขณะที่นักวิชาการทั้งนักรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ ต่างก็ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าว ดังนั้นอย่าทำตัวเป็นศรีธนญชัยทางการเมือง อ้างแบบสีข้างเข้าถู หรือเป็นเพราะรู้ว่าถ้าเลือกตั้งก็แพ้พรรคเพื่อไทย เลยต้องพยายามใช้ทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ
“หากนายสุเทพและพรรคพวกอยากได้สภาประชาชนหรือนายกฯ พระราชทานตามมาตรา 7 คงต้องฉีกรัฐธรรมนูญ ปฏิวัติเพื่อยึดอำนาจ ซึ่งเท่าที่ผมตรวจสอบมาเห็นว่าสภาประชาชนเกิดขึ้นแต่ในประเทศที่เป็นเผด็จการหรือคอมมิวนิสต์เท่านั้น ดังนั้น ประชาชนคงไม่ยอมเพราะกระทบกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข กระทบกับความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ของประเทศ เรื่องดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้ พรรคประชาธิปัตย์ต้องเสนอแก้มาตรา 291 แต่เชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่กล้า ดังนั้น ขอให้หยุดทบทวนการกระทำของตัวเอง ขณะที่นายสุเทพควรไปมอบตัวเพื่อสู้คดีจะดีกว่า” นายพร้อมพงศ์กล่าว
นายพร้อมพงศ์กล่าวอีกว่า ส่วนที่นายสุเทพประกาศจะเผด็จศึกรัฐบาลในวันที่ 6 ธ.ค.นั้น มองว่าเป็นเพียงแค่การสร้างความหวังและดึงมวลชนไว้เพื่อประโยชน์ทางการเมือง สร้างราคาให้กับตัวเองเท่านั้น ก่อนหน้านี้นายสุเทพก็ประกาศว่าจะล้มรัฐบาลให้ได้ภายในวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมาไม่อย่างนั้นจะผูกคอตาย รวมทั้งประกาศยกระดับการชุมนุมอยู่หลายครั้ง ซึ่งประชาชนเห็นธาตุแท้ของนายสุเทพแล้ว และขอเรียกร้องให้ผู้ชุมนุมอย่าหลงเชื่อหรือตกเป็นเหยื่อ
โฆษกเพื่อไทยกล่าวว่า ตั้งแต่ที่เกิดเหตุการณ์ที่ผู้ชุมนุมเคลื่อนไหวไปบุกยึดทำเนียบและ บช.น.ก่อนหน้านี้ กระทั่งมีทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ชุมนุมบาดเจ็บจำนวนมาก ตนยังไม่เห็นนายสุเทพหรือแกนนำคนอื่นๆ บาดเจ็บเลย เอาแต่บัญชาการ ทั้งๆ ที่คนเป็นแม่ทัพจะต้องนำทัพและบาดเจ็บก่อนคนอื่น จึงไม่แปลกใจกับคำพูดที่ว่าประชาชนต้องมาก่อน ผู้ชุมนุมเลยต้องเจ็บก่อนตายก่อน ตนไม่เชื่อว่าวันที่ 6 ธ.ค.นายสุเทพจะเผด็จศึกรัฐบาลอย่างไร เพราะประชาชนเริ่มถอยเพราะเข้าใจและเห็นถึงความจริงใจของรัฐบาล ที่ยอมไม่ให้เกิดการปะทะกัน แสดงให้เห็นถึงวุฒิภาวะผู้นำของนายกฯ สุดท้ายนายสุเทพจะต้องตกม้าตาย
