“ยิ่งลักษณ์” มั่นใจความแตกแยกในสังคมยังหาทางออกได้ ชวนทุกฝ่ายร่วมตั้งเวทีปฏิรูปการเมือง แนะฤกษ์วันเฉลิมพระชนมพรรษา หลีกเลี่ยงการสร้างความจงเกลียดจงชัง หันหน้าเข้าหากัน ฝากสื่อนำเสนอเรื่องราวที่เป็นความสุขใจและเป็นสิริมงคลในช่วงนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 3 ธ.ค. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ว่าสถานการณ์ทางการเมือง แม้จะยังไม่ได้กลับคืนเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ก็ได้มีความคลี่คลายไปในทางบวก รัฐบาลได้ขอให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ ทั้งทหารและตำรวจ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความละมุนละม่อม ไม่ให้มีการเผชิญหน้าหรือมีความรุนแรงเกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชน เพื่อที่จะทำให้เกิดความสงบสุขในระยะยาว แม้เราจะยังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันอยู่บ้าง แต่เชื่อว่าคนไทยสามารถหาทางออกให้กับประเทศได้ จึงขอเชิญชวนให้นักวิชาการ นักธุรกิจ และกลุ่มบุคคลทุกสาขาอาชีพ ตลอดจนผู้ชุมนุมทางการเมือง ร่วมมือร่วมใจกันเปิดเวทีที่จะระดมความคิดเห็นเพื่อหาคำตอบ และนำไปสู่การปฏิรูปการเมืองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งเป็นการหารือที่เปิดกว้าง ให้ทุกความเห็นได้แสดงออก ระดมความคิดเพื่อให้ได้คำตอบที่ตกผลึก และดีที่สุดสำหรับลูกหลานของเรา และขอเชิญชวนภาคเอกชนในการร่วมกันสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว นักลงทุนและคนไทย
ทั้งนี้ เพื่อจะได้เป็นการที่พวกเราได้หันหน้าเข้าหากัน ร่วมแก้ปัญหาของบ้านเมือง เพื่อให้ชาติของเราสามารถก้าวเดินต่อไปข้างหน้า ทั้งหมดนี้ทำให้ดิฉันเชื่อมั่นว่า วันเฉลิมพระชนมพรรษาปีนี้ จะเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ประชาชนชาวไทย จะได้มีความสุขใจ และรวมใจเป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อถวายพระพรชัยมงคล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงเป็นที่เคารพและจงรักภักดียิ่งของเราทุกคน
“ขอฝากสื่อมวลชนทุกท่าน ทุกแขนง ให้ช่วยกันพิจารณานำเสนอเรื่องราวที่เป็นความสุขใจและเป็นสิริมงคลในช่วงนี้ เช่น เรื่องราวเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจ หรือกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ ที่ทุกคนร่วมกันจัดถวายเป็นราชสักการะ นอกจากนั้น ในระยะยาวดิฉันหวังว่าสื่อของเราจะเป็นสื่อที่สร้างสรรค์ หลีกเลี่ยงการสร้างความจงเกลียดจงชัง ให้เกิดขึ้นในจิตใจของพวกเราด้วยกันเอง ซึ่งจะเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่ออนาคตของลูกหลานและของบ้านเมือง
สำหรับคนไทยทุกคน ดิฉันเชื่อว่าวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม ของทุกปี มีความหมายพิเศษยิ่ง และมีความหมายยิ่งกว่าเพียงวันหนึ่งในเดือนธันวาคม หากแต่วันนี้ เป็นวันศักดิ์สิทธิสำหรับหัวใจคนไทย เพราะเป็นวันที่เราจะตั้งใจร่วมกันทำความดี มีความรักและความสามัคคีให้กับเพื่อนร่วมชาติ ตั้งใจมั่นที่จะทำหน้าที่ของแต่ละคนจนเต็มกำลัง เพื่อให้เกิดความเจริญยั่งยืน ตามรอยพระยุคลบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ได้ทรงปฏิบัติพระองค์เป็นแบบอย่าง ให้เราได้เห็นมาตลอดชีวิต”