ผู้ว่าฯ กทม.ลงพื้นที่เยี่ยมศูนย์บรรเทาผู้รับผลกระทบจากเหตุชุมนุมบริเวณรามฯ เพื่อช่วย นศ.และ ปชช.มีแพทย์เคลื่อนที่รอตรวจสุขภาพ ประสาน ทบ.รับ นศ.ที่ติดค้างใน ม.กว่าพันคน เผยศูนย์นี้พักพิงชั่วคราว มี ทบ.ดูแล เพื่อให้อุ่นใจ ผู้ปกครองอย่ากังวล ฉะ ตร.ปล่อยให้ปะทะ เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แจงถอนกำลังเทศกิจจากจุดตรวจร่วมกับ ตร.
วันนี้ (1 ธ.ค.) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร เดินทางไปยังโรงเรียนพระรามเก้ากาญจนาภิเษก เขตห้วยขวาง เพื่อตรวจเยี่ยมการจัดตั้งศูนย์บรรเทาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุชุมนุมบริเวณรามคำแหง กรุงเทพมหานคร ซึ่งตั้งขึ้นเป็นการเฉพาะกิจ เพื่อช่วยเหลือนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง และประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง พร้อมทั้งซักซ้อมแผนปฏิบัติการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
บริเวณศูนย์ฯ ประกอบด้วย หน่วยแพทย์พยาบาลเคลื่อนที่รอตรวจสุขภาพให้แก่นักศึกษา เตรียมอาหารและน้ำดื่มไว้บริการ ซึ่งในเบื้องต้น กทม.ได้ประสานกองทัพบก นำรถเข้าไปรับนักศึกษาจากรามคำแหงที่ติดอยู่ในมหาวิทยาลัยตั้งแต่คืนวานนี้ และทยอยเดินทางเข้ามาที่ศูนย์ฯ ประมาณ 1,000 คน โดยขณะนี้ทุกคนปลอดภัยดีแล้ว โดยผู้ว่าฯกทม.ได้ให้การต้อนรับและให้กำลังใจแก่นักศึกษา พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เข้ามาดูแลด้วย
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ศูนย์ฯ แห่งนี้จะเป็นที่พักพิงชั่วคราวแก่นักศึกษาและประชาชนที่มาร่วมชุมนุม และได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เมื่อคืนวานนี้ ซึ่ง กทม.ได้ประสานขอความร่วมมือจากกองทัพบก เพื่อส่งเจ้าหน้าที่มาดูแลความปลอดภัยบริเวณศูนย์ฯ ดังกล่าว เพื่อให้นักศึกษาเกิดความอุ่นใจ และจะจัดรถส่งในจุดสำคัญต่างๆ กรณีที่นักศึกษาต้องการกลับบ้าน หากต้องการพักค้างชั่วคราวก็จะมีที่พักให้ ทั้งนี้พ่อแม่ผู้ปกครองไม่ต้องเป็นกังวล
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวด้วยว่า จากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวานนี้ จะเห็นได้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถให้การดูแลคุ้มครองประชาชนได้ โดยปล่อยให้เกิดการทำร้ายกันต่อหน้าเจ้าหน้าที่ ซึ่งตนรู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์นี้ ในฐานะของผู้ว่าฯ กทม.ซึ่งมาจากการเลือกตั้งของชาวกรุงเทพฯ มีหน้าที่ดูแลประชาชนในพื้นที่ จึงจำเป็นต้องพิจารณาทบทวนมาตรการความร่วมมือกับทางตำรวจ โดยจะถอนกำลังเจ้าหน้าที่เทศกิจที่ส่งเข้าไปประจำจุดตรวจร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จำนวน 18 จุดๆ ละ 2 นาย ตั้งแต่คืนนี้ (1 ธ.ค.56) เป็นต้นไป พร้อมระบุว่าหากเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ หรือมีมาตรการใดที่จะเป็นเหตุให้ประชาชนเดือดร้อนก็จะพิจารณาความร่วมมือเป็นรายมาตรการ แต่มาตรการใดที่เป็นประโยชน์กับประชาชนจะดำเนินการต่อไป