วิปรัฐบาลสีข้างเข้าถู พลิกหาข้อกฎหมายหวังเป็นข้ออ้างหนีคดีอาญา งัวเงียงัดมาตรา 130-131 และ 219 ไม่รับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ โวยการตัดสินคดี ก่อนส่งต่อให้ ป.ป.ช.ฟัน ข้อหากบฏถือเป็นการสกัดไม่ให้ ส.ส.ทำหน้าที่การประชุม ขัดมาตรา 131
นายอำนวย คลังผา ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) แถลงยืนยันว่า การทำหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภา 312 คนในการแก้ไขแก้รัฐธรรมนูญที่มาของ ส.ว. เพราะถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 219 และศาลรัฐธรรมนูญก็ได้วินิจฉัยก่อนหน้านี้ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญสามารถแก้ไขเป็นรายมาตราได้ อีกทั้งตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 130 วรรคหนึ่ง ก็กำหนดให้การแสดงความคิดเห็นให้สมาชิกรัฐสภาที่ลงมติถือเป็นเอกสิทธิ์ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเด็ดขาดที่ผู้ใดจะฟ้องร้องมิได้
นอกจากนี้ ศาลรัฐธรรมนูญยังกระทำผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 131 วรรค 3 ที่รับคำร้องของผู้ร้องทั้ง 4 คนในช่วงที่มีการเปิดประชุมสภาสมัยสามัญ และได้มีการไต่สวนรวมทั้งมีคำสั่งวินิจฉัยในคำร้องทั้ง 4 เมื่อวันที่ 20 พ.ย. เป็นช่วงเวลาที่สภาเปิดประชุมสมัยสามัญ การกระทำของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จึงเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตราดังกล่าว ที่ระบุว่าในกรณีที่มีการฟ้องร้อง ส.ส., ส.ว. ในคดีอาญา ไม่ว่าจะได้ฟ้องนอก หรือในสมัยประชุม ศาลจะพิจารณาคดีนั้นในระหว่างสมัยประชุมมิได้
เนื่องจากคำร้องของผู้ร้องทั้ง 4 ที่ยื่นให้ศาลวินิจฉัยระบุอย่างชัดเจนว่า ผู้ถูกร้องกระทำการเป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย ซึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113 กำหนดเป็นความผิดฐานกบฏ ดังนั้น ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจในการพิจารณาและวินิจฉัยคำร้องของผู้ร้องทั้ง 4 ในช่วงที่ได้มีการประชุมสภาสมัยสามัญ การที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการรับคำร้องของผู้ร้องทั้ง 4 และพิจารณาวินิจฉัยเป็นการฝ่าฝืนและต้องห้ามตามมาตรา 131 วรรคสาม คำสั่งและคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญได้กระทำการไต่สวนบัญญัติของรับธรรมนูญตามมาตราดังกล่าว จึงถือว่าคำสั่งและคำวินิจฉัยดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมายเสียเอง ไม่ชอบด้วยกฎหมายและถือเป็นโมฆะ
ส่วนการจะดำเนินการอย่างไรกับศาลรัฐธรรมนูญต้องขอนำไปปรึกษากับสมาชิกทั้ง 312 คนเป็นการภายในเสียก่อน แต่เชื่อว่าจะเป็นการดำเนินการควบคู่ที่พรรคเพื่อไทยกำลังดำเนินการถอดถอนอยู่
ด้านนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะวิปรัฐบาลกล่าวยืนยันว่า การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ตาม มาตรา 68 และได้ส่งต่อไปให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการตามคดีอาญามาตรา 113 ในข้อหากบฏเพื่อให้ชี้มูลหยุดปฏิบัติหน้าที่ ถือว่าเป็นการสกัดกั้นไม่ให้สมาชิกไปทำหน้าที่การประชุม ซึ่งเข้าข่ายการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 131 วรรคสามอย่างแน่นอน ซึ่งศาลจะกระทำไม่ได้