รองนายกฯ ข้องใจศาลใช้อำนาจอะไรรับคดีที่มา ส.ว. เปรียบฟ้องคดีอาญาที่ศาล รธน. ตอกไม่ใช่ใครจะฟ้องได้ทุกเรื่อง ย้ำจุดหลักมีอำนาจหรือไม่ ชี้ตัดสินให้รู้สึกว่าถูกกดดัน อ้างหลายประเทศองค์กรอื่นไม่รับอำนาจแยะ ดักไม่ยอมเด็ดขาดหวั่นเกิดวิกฤต รธน. ป้องนายกฯ หมดหน้าที่แล้ว ยันทูลเกล้าฯ ตาม รธน.ไม่ผิด
วันนี้ (20 พ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา ส.ว.ว่าไม่ชอบด้วยกฎหมายว่า ประเด็นอยู่ที่เหตุผลของคำพิพากษาว่าการที่ศาลระบุว่ามีอำนาจนั้นอาศัยมาตราอะไรในการรับคดีนี้ไว้ เพราะหากไม่มีอำนาจในการรับคดีไม่ต้องมาตัดสิน เหมือนการไปฟ้องคดีอาญาที่ศาลรัฐธรรมนูญ แต่ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจในการพิจารณา หากวินิจฉัยว่าจำเลยทำความผิดต้องลงโทษ ถือว่าถูกต้องหรือไม่ เพราะไม่ผ่านด่านแรกเสียแล้ว ไม่ใช่อยู่ดีๆ ใครจะไปฟ้องศาลรัฐธรรมนูญได้ทุกเรื่อง ต้องมีกรณีที่รัฐธรรมนูญเปิดโอกาสจึงจะร้องได้ จุดหลักตอนนี้คือศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจรับคดีนี้ไว้หรือไม่ ส่วนเหตุผลค่อยว่ากันในรายละเอียดอีกที อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าศาลพยายามจะวินิจฉัยออกมาไม่ให้คนรู้สึกว่าถูกกดดันจนเกินไป หรือทำนองการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่แก้ไขกันมาใช้บังคับไม่ได้ แต่ยังไม่มีผลกระทบอะไรต่อคนอื่น
“แต่หากเป็นบางประเทศที่สุดๆ องค์กรอื่นเขาไม่รับอำนาจมีเยอะแยะ ยกตัวอย่างการมาวินิจฉัยในเรื่องที่คุณไม่มีอำนาจ องค์กรอื่นต้องบอกว่าอันนี้เรื่องของผม เขาไม่รับอำนาจคุณเหมือนกัน แต่ตรงนี้ศาลรัฐธรรมนูญคงรู้ดีว่าหากไปไกลกว่านี้อาจเกิดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหลายประเทศที่เกิดวิกฤติรัฐธรรมนูญได้” นายพงศ์เทพกล่าว
ส่วนกรณีที่นายกฯ นำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา ส.ว.ขึ้นทูลเกล้าฯ ไปแล้ว จะเป็นการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า นายกฯ มีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ เพราะสภาส่งมาจึงต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ ภายใน 20 วัน หากไม่ทูลเกล้าฯ จะขัดรัฐธรรมนูญ แต่ไม่มีหน้าที่ที่จะไปตรวจว่าชอบกฎหมายฉบับนี้หรือไม่ ดังนั้น ตอนนี้นายกฯ เหมือนหมดหน้าที่ไปแล้ว เมื่อถามว่า ในเมื่อศาลวินิจฉัยว่าขัดรัฐธรรมนูญ ตามขั้นตอนกฎหมายสามารถเอาผิดนายกฯที่ทูลเกล้าฯโดยไม่รอคำวินิจฉัยได้หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า นายกฯ ทำตามรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ทำผิดอะไรอยู่แล้ว