รองนายกฯ ความมั่นคง ย้ำม็อบยกระดับเป็นสิทธิแต่ต้องอยู่ใต้ กม. แนะสังคมใช้ดุลยพินิจชุมนุมบรรลุเป้าแล้วควรเลิก กวักมือเรียก “สุเทพ-อภิสิทธิ์” เจรจา ไม่ต้องแอบอยู่ข้างหลัง ย้อนให้รอ 2 ปีเลือกตั้ง เย้ยรอไม่ได้ขาดความอดทน รับห่วงมือที่ 3 อ้างมีขนคนติดยา-ไม่มีงานร่วม ยันวันนี้เป่านกหวีดไร้ปัญหา ขออย่าทำแบบปี 53
วันนี้ (15 พ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ประกาศยกระดับการชุมนุมวันที่ 15 พ.ย.นี้ว่า การยกระดับเป็นสิทธิของผู้ชุมนุม แต่ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย และคิดว่ากระแสของสังคมขณะนี้น่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ดุลพินิจของผู้ชุมนุมได้แล้ว เพราะเงื่อนไขอย่างร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมจบแล้ว หรือเรื่องคดีปราสาทเขาพระวิหารเบาใจได้แล้ว เงื่อนไขการชุมนุมน่าจะบรรลุเป้าหมายของแกนนำจึงน่าจะเลิกชุมนุมได้ ส่วนจะใช้วิธีการเจรจาเพื่อให้ยุติการชุมนุมหรือไม่นั้น หากแกนนำพร้อมที่จะพูดคุยขอให้แสดงเจตจำนงมา เพราะรัฐบาลพร้อม เราไม่ปฏิเสธ การพูดคุยเป็นเรื่องที่ดี ขอเชิญไม่ว่าจะเป็นนายสุเทพ หรือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่มาขึ้นเวทีทุกคืน ไม่ต้องไปแอบอยู่ข้างหลัง ออกมาคุยกันว่าจะเอาอย่างไร รอได้หรือรอไม่ได้ เพราะอีกไม่เกิน 2 ปีจะมีการเลือกตั้งแล้ว คอยรอฟังเสียงประชาชนว่าจะมอบอำนาจบริหารให้ใคร ถ้ารอไม่ได้แค่นี้ถือว่าขาดความอดทน
รองนายกฯ กล่าวว่า ยอมรับว่าเป็นห่วงเรื่องมือที่ 3 เนื่องจากทราบว่ามีการขนคนโดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่ได้อยู่ในร่องในรอย อาทิ กลุ่มคนติดยา และพวกไม่มีงานทำ จะเข้ามาจากต่างจังหวัด จังหวัดใดเรารู้อยู่แล้ว จึงมีการติดตามหาข่าวและสกัดกั้นอยู่ จึงฝากให้ผู้ชุมนุมหรือแกนนำดูแลกันเองด้วย เพื่อไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ในส่วนของรัฐบาล ได้ให้ทางสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กองบัญชาการตำรวจสันติบาล ติดตามอย่างใกล้ชิดแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ในวันที่ 15 พ.ย.ได้หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ตนดูไม่น่าจะปัญหาอะไร แต่อย่าไปใช้มาตรการเหมือนปี 53 เราไม่เอา หากเป่านกหวีดเฉยๆ ไม่ได้ว่าอะไร จริงๆ หากนายสุเทพคิดได้ตั้งแต่ปี 53 คงไม่มีคนตายเป็นร้อยคนเจ็บเป็นพัน น่าจะคิดได้นานแล้ว