ผ่าประเด็นร้อน
แม้บนเวทีบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยจะยังอุบเอาไว้ยังไม่ประกาศให้ชัดเจนว่ามีเป้าหมายข้างหน้าอย่างไร แต่เมื่อพิจารณาจากความเคลื่อนไหวล่าสุดของแกนนำ และอารมณ์ของมวลชนที่ออกมาร่วมกันแล้วเชื่อว่าในที่สุด ก็จะนำไปสู่การยกระดับการชุมนุมขับไล่รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรที่เป็น “หุ่นเชิด” ของ ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นพี่ชายออกไปเป็นแน่
แม้ว่าเวลานี้รัฐบาล พรรคเพื่อไทย และที่สำคัญ ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นเจ้าของคนพวกนี้จะส่งสัญญาณถอยกันสุดซอยกันแล้วก็ตาม ไม่ว่าจะมีการแถลงยืนยันจากปากของนายกฯยิ่งลักษณ์ ในเรื่องร่างพระราชบัญญัติล้างผิดวันละสอฃสามรอบ ให้พรรคร่วมรัฐบาลลงสัตยาบันว่าจะไม่หยิบร่างดังกล่าวขึ้นมาพิจารณาใหม่อีกหลังจากถูกแช่แข็ง 180 วัน หลังจากวุฒิสภาคว่ำไปแล้ว
หรือแม้กระทั่งเรื่องเล็กๆแต่เป็นกระแสสนใจก็คือ ทักษิณ ชินวัตร สั่งถอยไม่ฟ้องแล้วกับ “แตงโม” ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ นักแสดงสาวที่ขึ้นเวทีราชดำเนินรู้ทันพฤติกรรมชั่วของเขาและด่าเสียยับเยิน เรื่องนี้ก็ถอย ล่าสุดสั่งให้ทนายความบอกว่าไม่เอาเรื่องแล้ว อ้างว่านักแสดงสาวได้รับรู้ข้อมูลคลาดเคลื่อน
ความเคลื่อนไหวทั้งสองเรื่องดังกล่าวที่นำมาสู่การ “ถอย” ล้วนเกี่ยวโยงกัน และเป็นเรื่องเดียวกัน ที่สำคัญต่างก็มีสาเหตุสัมพันธ์กัน เพื่อ “ต้องการเอาตัวรอด” เท่านั้น
เรื่องแรกคือกรณีร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมล้างผิดให้ ทักษิณ ชินวัตร สาเหตุที่ถอยไม่เกิดจาก “ดวงตาเห็นธรรม” แต่ถอยเพราะชาวบ้านเขาจับได้และทนไม่ไหวออกมาเตรียม “รุมกระทืบ” แต่โจรพวกนี้ “กลัวตาย” จึงตาลีตาเหลือกรีบถอยออกไปให้พ้นบ้านก่อน ขณะที่กรณีของดาราสาวแตงโม ตอนแรกก็ขู่ใช้กฎหมายปิดปาก กะว่าให้เป็นตัวอย่างขู่คนอื่นไม่ให้เอาเป็นเยี่ยงอย่าง แต่เมื่อประเมินสถาการณ์แล้วจะยิ่งเสียหายหนัก ทั้งในเรื่องที่ต้องลุ้นว่า “ศาลจะรับฟ้องนักโทษหนีคุก” ที่มอบอำนาจทนายความมาเล่นงานคนอื่นทางกฎหมายหรือไม่ เพราะตัวเองหนีคดี หนีคุก เท่ากับไม่ยอมรับคำสั่งศาลอยู่แล้ว และสอง กลัวว่า “กระแสต้าน-เกลียด” จะลุกลามออกไปอีก เป็นผลกระทบต่อรัฐบาลหุ่นเชิดของตัวเองที่กำลังง่อนแง่นอยู่แล้ว จะหนักสาหัสกว่าเดิม นี่แหละคือคำตอบว่าทำไม่ ทั้งรัฐบาล ขี้ข้าทั้งในสภาผู้แทนฯ วุฒิสภา และสั่งถอยไม่ฟ้องนักแสดงสาวที่รู้ทันและประจานตัวเองให้อับอาย
สรุปก็คือ คนอย่าง ทักษิณ ชินวัตร หากพิจารณาจากสันดานแล้ว คนคนนี้ไม่มีทางสำนึกความผิดตัวเอง มีแต่โทษคนอื่น แต่เพื่อผลประโยชน์และผลกำไรเฉพาะหน้าเขาก็ทำได้ทุกอย่าง ทำทุกอย่างเพื่อเอาตัวรอดไว้ก่อน
ด้วยพฤติกรรมทั้งของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ล้มเหลว สร้างความทุกข์ให้ชาวบ้าน แต่สร้างความุสขให้เฉพาะคนในครอบครัว ญาติพี่น้อววงศ์วาน เท่านั้น ที่ลงทุนทำ “ธุรกิจการเมือง” ในคราบของ “ประชาธิปไตยบังหน้า”
พฤติกรรมก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็นการรวบรัดแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.190 ที่มีเจตนาเพื่อให้สามารถเจรจาการค้า การทำธุรกิจข้ามชาติทำได้สะดวกขึ้น โดยไม่ต้องให้รัฐสภา ซึ่งแม้ว่าจะกลายสภาพไม่ต่างจาก “สภาทาส-สภาขี้ข้า” ไปแล้ว ก็ไม่ต้องให้รับรู้ให้รำคาญใจ รวมทั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับที่มาของวุฒิสภาให้กลายเป็น “สภาผัวเมีย” หวังรวบอำนาจให้เบ็ดเสร็จ ทำลายการถ่วงดุลตรวจสอบในสถาบันนิติบัญญัติเสียป่นปี้ นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องข้อสังเกต ข้อสงสัยในเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนที่กำลังจะเกิดขึ้นจากการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กับกัมพูชา โดยมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 190 รองรับไว้ล่วงหน้าแล้ว สารพัด
ความล้มเหลวจากการบริหารราชการแผ่นดิน ที่ทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน ไม่เว้นแม้กระทั่งกับคนเสื้อแดงด้วยกันเองก็ทรยศหักหลังได้ตลอดเวลา เพียงแต่ว่าคนพวกหลังยินดีและยอมให้กดขี่หลอกต้มอยู่ต่อไป ซึ่งนาทีนี้คงไม่น่าจะต้องสาธยายให้เห็นภาพซ้ำซากมีอะไรบ้าง อย่างน้อยผลจากความล้มเหลวดังกล่าวเชื่อว่าทุกคนคงสัมผัสกันได้จากกรณี “ของแพง” แต่ก็ยังมีบางคนตะแบงเถียงว่าก็แพงทุกรัฐบาล ก็อาจจะใช่ แต่ถามว่าด้วยต้นทุนที่เบ็ดเสร็จเหนือกว่าทุกรัฐบาล เสียงในสภาก็เบ็ดเสร็จ กลไกรัฐบาลก็ล้วนเป็นขี้ข้าสั่งให้ซ้ายหันขวาหันได้ตลอดเวลาแบบนี้ แต่ผลที่ออกมาทำไมถึงได้ “กระจอก” สิ้นดี และมันไม่คุ้มค่า ไม่สมราคาคุย บริหารแบบนี้สู้อย่ามีรัฐบาล อย่ามีนายกฯเสียจะดีกว่า เพราะนี่ไม่ใช่มาตรฐานของผู้บริหารบ้านเมืองทั้งในระดับสากลและระบบไทยๆ เพราะไม่เคยมีครั้งใดที่ผู้นำระดับนายกรัฐมนตรีถูกเหยียดหยามว่า “เป็นคนโง่” ถูกสงสัยในเรื่องสติปัญญาและความรู้รอบตัวที่ควรมีติดตัว
ด้วยพฤติกรรมที่ไม่น่าไว้วางใจ มีเจตนาทุจริตฉ้อฉล ทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของครอบครัวและคนใกล้ชิด อยู่ตลอดเวลาเมื่อมีโอกาส และการไร้ความสามารถ ไม่อาจสร้างความหวังให้กับประชาชนส่วนใหญ่ได้เลย หากพิจารณาจากอดีต ปัจจุบัน และแนวโน้มในอนาคต ถือว่าไร้ประโยชน์ ถือว่าหมดความชอบธรรมไปแล้ว และเสียเวลาเปล่าที่จะให้โอกาสคนพวกนี้อีกต่อไป โดยเฉพาะการ “ถอยสุดซอย” คราวนี่ก็เพียงแค่เล่ห์เหลี่ยมชั้นเชิงเพื่อหนีตายหลบไปรอซุ่มอยู่ข้างรั้วบ้านเท่านั้น รอจังหวะเข้ามาปล้นใหม่อีกครั้งเมื่อเจ้าของบ้านเผลอหรืออ่อนแรง ดังนั้นไหนๆ ก็ไหนๆ ต้องไล่ไปให้พ้น อย่าใจอ่อนเป็นอันขาด!!