โฆษกกลาโหมยันไม่ยุ่งม็อบ รอดูตำรวจประสานช่วยหรือไม่ เผยนายกฯ ห่วงพายุถล่มตากาล็อก ส่งสารเสียใจ สั่ง ปภ.เหล่าทัพช่วย จัดเครื่องบิน เรือรบช่วย
วันนี้ (13 พ.ย.) ที่กระทรวงกลาโหม เมื่อเวลา 13.00 น. พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมของมวลชนกลุ่มต่างๆ ในขณะนี้ว่า ทราบว่าการชุมนุมยังดำเนินการต่อเนื่อง กระทรวงกลาโหมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องในแง่ของการติดตามยอดผู้ร่วมชุมนุมเท่านั้น เนื่องจากผู้ปฎิบัติหลักคือศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งดูแลความเรียบร้อยได้เป็นอย่างดี ไม่มีเหตุการณ์อะไรที่ทำให้ชุมนุมเกิดปฏิกิริยา ซึ่งต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ซึ่งกันและกัน กองทัพคงไม่ได้เข้าไปรับผิดชอบในส่วนนี้ สำหรับกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี แกนนำกลุ่มต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ประกาศจะปิดเกมในเดือนนี้ ในส่วนของทหารคงต้องรอดูว่าทางตำรวจจะประสานมาให้เจ้าหน้าที่ทหารเข้าไปช่วยหรือไม่ ซึ่งในกฎหมายระบุหน้าที่ของทหารไว้อยู่แล้ว หากไม่อยู่ในกรอบกฎหมาย คงทำไม่ได้ จุดยืนของกองทัพคือการดูแลความสงบเรียบร้อย ปลอดภัยให้ประชาชน บนพื้นฐานกฎหมายอยู่แล้ว
โฆษกกระทรวงกลาโหมเปิดเผยด้วยว่า จากสถานการณ์ภัยพิบัติธรรมชาติ พายุไห่เฮี่ยนพัดถล่มประเทศฟิลิปปินส์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาส่งผลกระทบ ทั้งสถานที่บ้านเรือน และมีผู้เสียชีวิตจำนวนกว่าหมื่นรายนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้แสดงความเป็นห่วงประชาชนชาวฟิลิปปินส์ที่ได้รับผลกระทบอยู่ในขณะนี้ และได้มีการส่งสาสน์แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าวไปแล้ว พร้อมทั้ง ได้สั่งการให้ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกระทรวงกลาโหม ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองบัญชาการกองทัพไทย และศูนย์บรรเทาสาธารณภัยเหล่าทัพ เร่งให้ความช่วยเหลือต่อประชาชนที่ประสบภัย โดยเตรียมความพร้อมเจ้าหน้าที่ ยุทโธปกรณ์ พร้อมอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ประสบภัย เพื่อช่วยเหลือ ด้านมนุษยธรรม และการบรรเทาภัยพิบัติในครั้งนี้
พ.อ.ธนาธิปกล่าวว่า ปัจจุบันศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองบัญชาการกองทัพไทย ได้ประชุมร่วมกับศูนย์บรรเทาสาธารณภัยเหล่าทัพ เพื่อเตรียมความพร้อมจัดกำลังสนับสนุนภารกิจให้ความช่วยเหลือตามความต้องการของผู้ประสบภัย ทั้งกำลังพล เจ้าหน้าที่ แพทย์ พยาบาล อุปกรณ์เครื่องช่วยเหลือต่างๆ รวมทั้งอาหารและน้ำดื่ม โดยระลอกแรกเดินทางโดยเครื่องบินลำเลียง ซี-130 ประกอบด้วย การจัดชุดประเมินภัยพิบัติ จำนวน 7 นาย ชุดโรงพยาบาลสนามระดับ 1 ( Hospital level 1) จำนวน 7 นาย ชุดสุนัขทหารค้นหา จำนวน 4 ชุด ส่วนระลอกที่ 2 จะเดินทางโดยเรือ 2ลำ คือ เรือหลวงอ่างทอง ซึ่งจะสนับสนุนการขนย้ายกำลังพล และอุปกรณ์ทางการช่าง อาทิ ชุดทหารช่าง ประกอบด้วย ชุดผลิตน้ำดื่ม ชุดประปาสนาม ชุดให้แสงสว่าง ชุดเครื่องกำเนิดไฟฟ้า และ เรือหลวงสีชัง สนับสนุนการขนย้ายอาหาร น้ำดื่ม และยารักษาโรค พร้อมกันนั้น ยังสนับสนุนอากาศยาน ซี-130 จำนวน 4 ลำ ในการขนย้ายกำลังพล ยุทโธปกรณ์ ซึ่งปัจจุบันรอการประสานร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อหาจุดของสนามบินในการส่งลง และในวันที่ 14 พ.ย.เวลา 10.00 น. กระทรวงการต่างประเทศจะเชิญคณะกรรมการพิจารณาให้ความช่วยเหลือประเทศที่ประสบภัยพิบัติเข้าร่วมประชุม เพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเป็นการเร่งด่วนต่อไป