โฆษก กอ.รมน.เผยไฟใต้ยังแรงต่อเนื่อง แม้จะแสวงหาทางออกแล้ว ระบุ ผบ.ทบ.ยันต้องคงกำลังทหารไว้หากยังก่อเหตุรุนแรง
วันนี้ (8 พ.ย.) พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวถึงสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ปัจจุบันยังคงมีการก่อเหตุรุนแรง ได้แก่ การลอบวางระเบิด การลอบยิง และการก่อเหตุก่อกวนสร้างสถานการณ์ให้เกิดความไม่สงบในพื้นที่ เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่และประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต แม้ว่าทางราชการจะพยายามแสวงหาทางออกจากความขัดแย้งด้วยการเปิดโอกาสให้ผู้ที่หลงผิด รู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือแม้แต่ผู้ต้องหาที่มีหมายจับ ป.วิอาญา ได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามกฎหมายแล้วก็ตาม การใช้ความรุนแรงเหล่านี้ถือว่าไม่เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย รวมถึงประชาคมโลก และเป็นปัจจัยส่วนหนึ่งที่ทำให้กระบวนการพูดคุยสันติภาพที่กำลังดำเนินการอยู่นั้นไม่มีความก้าวหน้าเท่าที่ควร ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะรอง ผอ.รมน. ได้ยืนยันท่าทีในเรื่องนี้ไว้อย่างชัดเจนแล้วว่า ตราบใดที่กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงยังคงใช้ความรุนแรงต่อเจ้าหน้าที่และประชาชนผู้บริสุทธิ์อยู่ กอ.รมน.จำเป็นต้องคงกำลังเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจไว้ เพื่อคุ้มครองดูแลให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน หรืออาจเพิ่มเติมกำลังให้มากกว่าเดิมอีกเท่าที่จำเป็น
พ.อ.บรรพตกล่าวต่อว่า ปัจจุบันภาครัฐได้พยายามขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมกับทุกกลุ่มงาน โดยมีพัฒนาการของการแก้ไขปัญหาที่ดีขึ้นตามลำดับ ล่าสุด กอ.รมน.ได้ประสานศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ในกลุ่มงานด้านการศึกษา เพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดยให้ความสำคัญเกี่ยวกับหลักสูตรการศึกษาทุกระดับ ทั้งสายสามัญ สายอาชีพ และการศึกษาทางด้านศาสนาภายในประเทศ รวมถึงโอกาสในการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และภาษามลายูถิ่นอย่างทัดเทียมกัน เพื่อรองรับความก้าวหน้าของตลาดแรงงานสาขาอาชีพต่างๆ ตามการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคต่อไป
วันนี้ (8 พ.ย.) พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวถึงสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ปัจจุบันยังคงมีการก่อเหตุรุนแรง ได้แก่ การลอบวางระเบิด การลอบยิง และการก่อเหตุก่อกวนสร้างสถานการณ์ให้เกิดความไม่สงบในพื้นที่ เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่และประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต แม้ว่าทางราชการจะพยายามแสวงหาทางออกจากความขัดแย้งด้วยการเปิดโอกาสให้ผู้ที่หลงผิด รู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือแม้แต่ผู้ต้องหาที่มีหมายจับ ป.วิอาญา ได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามกฎหมายแล้วก็ตาม การใช้ความรุนแรงเหล่านี้ถือว่าไม่เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย รวมถึงประชาคมโลก และเป็นปัจจัยส่วนหนึ่งที่ทำให้กระบวนการพูดคุยสันติภาพที่กำลังดำเนินการอยู่นั้นไม่มีความก้าวหน้าเท่าที่ควร ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะรอง ผอ.รมน. ได้ยืนยันท่าทีในเรื่องนี้ไว้อย่างชัดเจนแล้วว่า ตราบใดที่กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงยังคงใช้ความรุนแรงต่อเจ้าหน้าที่และประชาชนผู้บริสุทธิ์อยู่ กอ.รมน.จำเป็นต้องคงกำลังเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจไว้ เพื่อคุ้มครองดูแลให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน หรืออาจเพิ่มเติมกำลังให้มากกว่าเดิมอีกเท่าที่จำเป็น
พ.อ.บรรพตกล่าวต่อว่า ปัจจุบันภาครัฐได้พยายามขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมกับทุกกลุ่มงาน โดยมีพัฒนาการของการแก้ไขปัญหาที่ดีขึ้นตามลำดับ ล่าสุด กอ.รมน.ได้ประสานศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ในกลุ่มงานด้านการศึกษา เพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดยให้ความสำคัญเกี่ยวกับหลักสูตรการศึกษาทุกระดับ ทั้งสายสามัญ สายอาชีพ และการศึกษาทางด้านศาสนาภายในประเทศ รวมถึงโอกาสในการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และภาษามลายูถิ่นอย่างทัดเทียมกัน เพื่อรองรับความก้าวหน้าของตลาดแรงงานสาขาอาชีพต่างๆ ตามการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคต่อไป
