xs
xsm
sm
md
lg

“ชวน” ยึดพระราชดำรัสในหลวง ปลุก ปชช.ปกป้องชาติ - “จุรินทร์” หวั่น “นิคม” ลักไก่พิจารณานิรโทษฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ชวน” ขอให้ประชาชนยึดมั่นพระราชดำรัสในหลวง ทำหน้าที่ปกป้องชาติบ้านเมือง ปรามตำรวจอย่าละเมิดสิทธิประชาชนด้วยการสกัดกั้นผู้ชุมนุมที่ไม่มีอาวุธ ด้าน “จุรินทร์” เตือนอย่าไว้ใจ “นิคม” หวั่นลักไก่เร่งดัน กม.นิรโทษฯ เข้าพิจารณา 4 พ.ย.

วันที่ (3 พ.ย.) เมื่อเวลา 20.45 น. นายชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตนายกฯ ปราศรัยว่า ตนเป็นนักการเมืองทำหน้าที่ในสภาฯ ขอให้ประชาชนยึดมั่นพระราชดำรัสในหลวง 2552-2554 คือคนไทยทุกคนทบทวนตัวเองว่าเรามีหน้าที่ทำอะไรและทำให้ดีที่สุด ด้วยความรับผิดชอบและซื่อสัตย์สุจริต แม้เราจะมีทรัพย์สมบัติน้อยกว่าเขาแต่ความรักชาติไม่น้อยไปกว่าเขาแน่นอน จึงเป็นหน้าที่พวกเราที่จะต้องรักษาบ้านเมือง หลักกฎหมายของประเทศ เพราะการเคารพกฎเกณฑ์กติกา บ้านเมืองจะทำให้บ้านเมืองไม่มีปัญหา แต่หากการกระทำอย่างนี้ยิ่งทำให้เกิดปัญหาบ้านเมืองแน่นอน

นายชวนกล่าวว่า ตำรวจทำตามคำสั่งรัฐบาลถูกต้องแล้ว แต่อย่าทำอะไรที่ละเมิดสิทธิประชาชนตามที่ รธน.คุ้มครองไว้ อย่าไปสกัดกั้นพวกเขาหากไม่มีอาวุธ เพราะมิเช่นนั้นท่านจะละเมิดกฎหมายเสียเอง ดังนั้นจึงอยากเชิญชวนประชาชนทั่วประเทศออกมาต่อต้านกฎหมายดังกล่าว เพื่อรักษาชาติต่อไป

ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ปราศรัยต่อประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายนิรโทษกรรมฯ เพื่อช่วยเหลือให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีอาญาแผ่นดิน และพรรคพวกได้หลุดพ้นจากคดีต่างๆ ที่บริเวณบนถนนกำแพงเพชร 5 ใกล้กับสถานีรถไฟสามเสน ว่าร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวไม่ได้เป็นทางออกของประเทศ แต่เป็นร่างกฎหมายให้คนบางคนได้กลับเข้าประเทศเท่านั้น โดยร่างกฎหมายดังกล่าวถ้ามีผลบังคับใช้จริงๆ ทำให้คนบางคนถูกล็อตเตอรี่ถึง 3 ใบ ทันที คือ ใบที่ 1 ได้รับการล้างผิดทุกคดี ใบที่ 2 คือจะได้เงินคืนพร้อมดอกเบี้ยเกือบ 60,000 ล้านบาท และใบที่ 3 ที่ประชาชนคาดไม่ถึงก็คือ คนบางคนก็จะได้คืนสิทธิ์การสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.อีกครั้งหนึ่ง เพราะเมื่อคนบางคนได้รับการล้างผิดจากกฎหมายนี้แล้ว ก็จะไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 102 (7) ที่ห้ามไม่ให้ผู้ที่เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน เพราะร่ำรวย ผิดปกติหรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ ลงสมัคร ส.ส. ซึ่งถ้าคนบางคนลง ส.ส.และได้รับเลือกตั้งแล้วก็มีโอกาสกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง

นายจุรินทร์ปราศรัยต่อว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวจะเข้าสู่การพิจารณาในขั้นวุฒิสภาเมื่อไหร่นั้น ก็ไม่มีใครทราบ เพราะนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ได้ออกมาสับขาหลอกว่าจะนำกฎหมายดังกล่าวเข้าการพิจารณาในวันที่ 8 หรือ 11 พฤศจิกายน 2556 ซึ่งตนอยากจะบอกประชาชนว่าอย่าไว้วางใจ เพราะเคยมีตัวอย่างมาแล้วในกรณีที่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา เคยอ้างว่าจะนำร่างกฎหมายดังกล่าว มาพิจารณาในวันที่ 6 พฤศจิกายน แต่สุดท้ายก็ผ่านวาระร่างกฎหมายดังกล่าวในวันที่ 31 ตุลาคม ซึ่งวันพรุ่งนี้ (4 พ.ย.) ตอนเช้ามีประชุมรัฐสภาในการลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ส่วนตอนบ่ายมีการเรียกประชุมวุฒิสภา ซึ่งอาจจะมีการนำร่างกฎหมายดังกล่าว เข้าสู่ขั้นตอนของการพิจารณาของวุฒิสภาเลยก็เป็นได้ ดังนั้น ขณะนี้ ความหวังของประชาชนชาวไทยที่จะทำให้ร่างกฎหมายดังกล่าวตกไปมีอยู่ 3 แนวทางก็คือ กระบวนการของวุฒิสภาที่จะต้องแก้ไขข้อความในกฎหมายหรือลงมติไม่รับร่าง แต่ตนก็ห่วงว่าวุฒิสภาจะกลายเป็นสภาทาส 2 ต่อมาคือศาลรัฐธรรมนูญ และสุดท้ายก็คือพลังของประชาชนที่ออกมาคัดค้านร่างกฎหมายที่ทำลายหลักนิติธรรมของประเทศ ซึ่งตนขอร้องให้ประชาชนออกมาแสดงพลังมากๆ และต้องเปลี่ยนจากไทยเฉยเป็นไทยเฉียบให้ได้

“ผมขอสัญญาต่อประชาชนว่า ถ้าร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่านขั้นตอนวุฒิสภาเมื่อไหร่ ทางพรรคประชาธิปัตย์ก็จะยื่นคำร้องให้ศาลวินิจฉัยทันที เพราะตนเห็นว่า กฎหมายฉบับดังกล่าว ขัดต่อรัฐธรรมนูญหลายมาตรา และจะทำให้นายกรัฐมนตรี ต้องระงับการทูลเกล้าฯ ร่างกฎหมายดังกล่าว ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ส่วนการต่อสู้ในชั้นวุฒิสภานั้น ถึงแม้ว่าวุฒิสภาจะมีอำนาจในการระงับยับยั้งกฎหมายนี้ แต่ทางสภาผู้แทนราษฎร ก็ใช้อำนาจเสียงข้างมากในการยืนยันร่างกฎหมายนี้เพื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ได้ และใครที่หวังว่าจะให้รัฐบาลนี้ยุบสภานั้น ถ้าเลือกตั้งใหม่แล้วได้พรรคเพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาลอีก จะสามารถนำร่างกฎหมายนี้เป็นกฎหมายพิเศษโดยไม่ต้องเริ่มการพิจารณากันใหม่ เพราะฉะนั้น เพราะเป้าหมายที่สำคัญก็คือ รัฐบาลต้องถอนร่างกฎหมายนี้ออกจากสภา และทำอย่างไรก็ได้ที่ทำให้กฎหมายนี้ตกไปในที่สุด” นายจุรินทร์กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น