xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ สั่งกล่อมกำลังพลคดีพระวิหาร กต.แจง ปชช.-ใช้เครื่องขยายเสียงกันเข้าใจผิด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม(แฟ้มภาพ)
โฆษกกลาโหมเผยนายกฯ แจงกลาโหมถกความมั่นคง เตรียมรับสถานการณ์ชายแดนคดีพระวิหาร สั่งทำความเข้าใจกำลังพล กต.ร่วมให้ข้อมูลผลทางคดี ผบ.ทบ.เตรียมลงพื้นที่ คุยกับ ผบ.หน่วยในพื้นที่ เผยเตรียมเครื่องขยายเสียงสื่อสารสองฝ่าย ลดความเข้าใจผิด นำไปสู่การปะทะ กห.สั่งเหล่าทัพร่วมสนับสนุนจัดงานพระราชพิธี “สมเด็จพระสังฆราช” เตรียมจัดงาน “ดีเฟนด์-ซีเคียวริตี 2013” โชว์อาวุธป้องกันประเทศ


 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง ให้สัมภาษณ์  

วันนี้ (25 ต.ค.) ที่กระทรวงกลาโหม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้ร่วมประชุมสภากลาโหมโดยมี พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม พร้อม ผบ.เหล่าทัพเข้าร่วมประชุม จากนั้น พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์บริเวณพื้นที่ชายไทย-กัมพูชา หลังจากศาลโลกอ่านคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหารในวันที่ 11 พ.ย. 2556 ว่านายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงรายละเอียดให้สมาชิกสภากลาโหมได้รับทราบถึงการประชุมด้านความมั่นคงเมื่อวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา เพื่อให้ไปสร้างความเข้าใจกับกำลังพล และประสานกับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อนำข้อเท็จจริงและให้ความรู้กับประชาชน โดยเฉพาะประชาชนในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งการประชาสัมพันธ์จะทำในทุกระบบและทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้จัดทำสารคดีเพื่อถ่ายทอดให้ประชาชนได้รับรู้ ส่วนหน่วยงานในพื้นที่ได้ประสานงานกันอย่างดี ทั้งแม่ทัพภาคที่ 2 ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.จะเดินทางไปพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 เพื่อกำชับพูดคุยรร่วมกับผู้บังคับหน่วยทหารในพื้นที่พร้อมจัดเครื่องขยายเสียงจำนวน 30 เครื่องในการประสานทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่บริเวณรอบปราสาทพระวิหาร

“ประชาชนในพื้นที่ทั้งสองประเทศจะได้รับฟังคำตัดสินของศาลโลก และคิดว่าทุกคนจะเข้าใจสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งในภาพรวมรัฐบาลจะแก้ไขปัญหาด้วยวิธีสันติโดยยึดประชาชนเป็นสำคัญ ทั้งนี้การปฏิบัติใดๆต้องยึดถือในกรอบของรัฐบาล ส่วนการแก้ไขปัญหาของกองทัพและหน่วยงานด้านความมั่นคงจะยึดถือนโยบายหลักที่รัฐบาลมอบหมายโดยเฉพาะการพูดคุยการประนีประนอมในเชิงสันติวิธี ซึ่งถือว่าเป็นจุดยืนในการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เพราะที่ผ่านมาการกระทบกระทั่งบ้างเล็กๆ น้อยๆ อาจนำไปสู่การขยายวงกว้างซึ่งก็มีบทเรียนมาแล้ว ทั้งนี้ในเบื้องต้นจะต้องทำความเข้าใจในภาพรวมโดยกระทรวงการต่างประเทศจะต้องชี้แจงกับประชาชนในพื้นที่ให้เข้าใจกับสถานการณ์” พ.อ.ธนาธิปกล่าว

ขณะที่ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์จะเดินทางไปพบกับผู้บังคับหน่วยซึ่งดูแลพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจในภาพรวมของสถานการณ์ และคดีที่ศาลโลกจะพิพากษาในวันที่ 11 พ.ย.นี้

พ.อ.ธนาธิปยังแถลงว่า ที่ประชุมสภากลาโหมได้มีการชี้แจงถึงกรณีที่ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สิ้นพระชนม์ ว่าตามที่สำนักพระราชวังได้ออกแถลงการณ์แจ้งให้ทราบ เมื่อวันที่ 24 ต.ค. 2556 เวลา 19.30 น.ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โดยในวันที่ 25 ต.ค.จะมีพิธีอันเชิญพระศพมาประดิษฐานที่ตำหนักเพ็ชร ภายในวัดบวรนิเวศวิหาร และจะมีการพระราชทานน้ำหลวงพระศพ ทั้งนี้ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีให้ลดธงครึ่งเสาเป็นเวลา 3 วันตั้งแต่วันที่ 25-27 ต.ค.และให้ข้าราชการลูกจ้าง พนักงานของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐและรัฐวิสาหกิจ ไว้ทุกข์ถวายความอาลัยเป็นเวลา 30 วัน ตั้งแต่ 27 ต.ค. - 23 พ.ย. 2556

พ.อ.ธนาธิปกล่าวว่า สำหรับผู้ที่ต้องการไปร่วมพิธีถวายน้ำสรงพระศพต่อหน้าพระรูป สามารถเดินทางไปยังอาคารมนุษยนาควิทยาทาน ภายในวัดบวรนิเวศวิหาร ตั้งแต่เวลา 13.00 น.เป็นต้นไป ทั้งนี้ รมว.กลาโหมได้ขอให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพให้การสนับสนุนการจัดงานพระราชพิธีฯ อย่างเต็มขีดความสามารถ ตามที่ได้รับการร้องขอจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง

โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวต่อว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเป็นประธานในการประชุมนิทรรศการอุปกรณ์ป้องกันประเทศ หรือดีเฟนด์ และซีเคียวริตี 2013 ระหว่างวันที่ 4-7 พ.ย. 2556 ที่ศูนย์การประชุม อิมแพค เมืองทองธานี ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับเทคโนโลยี ยุทโธปกรณ์ป้องกันประเทศ และการรักษาความปลอดภัยในระดับนานาชาติ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งพัฒนาและส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการจัดแสดงผลิตภัณฑ์ระหว่างประเทศ รวมถึงการสร้างเครือข่ายอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและการรักษาความปลอดภัยในเอเชีย ทั้งนี้ ในงานได้จัดสัมมนานานาชาติด้านความร่วมมืออุตสาหกรรมป้องกันประเทศในภูมิภาคอาเซียนและการสัมมนานานาชาติ เรื่องสงครามไซเบอร์ ความท้าทายในอนาคตของอาเซียนอีกด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น