ประธานวิปฝ่ายค้านยันนิรโทษกรรมฉบับ กมธ.คลุมคดีโกง-ยึดทรัพย์ เปิดช่องฟ้องศาลขอคืน แนะรอดูโจกแดงในสภาจะโหวตค้านหรือแค่เล่นละคร ชี้คำพูดคนในรัฐบาลไม่น่าเชื่อถือ เตือนอย่าย้อนยุคไปก่อนรัฐประหาร ด้านโฆษก ปชป.ชูเหยื่อแดงค้านด้วยจุดยืนตรงกับพรรค หนุนปล่อยผีเฉพาะคนผิดแค่ขัด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เย้ยแกนนำ นปช.หมดอาชีพไปเล่นหนังต่อยังได้
วันนี้ (22 ต.ค.) ที่รัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ และนายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ระบุผลการพิจารณาของกรรมาธิการฯ ไม่มีเรื่องการคืนทรัพย์และหากใครจะให้คืนทรัพย์ต้องฟ้องร้องต่อศาล ว่าเป็นเรื่องที่สะท้อนได้ว่าต้องการนิรโทษกรรมล้างผิดคดีทุจริตคอรัปชั่นจริงหรือไม่ ซึ่งการคืนทรัพย์แม้จะไม่ระบุเป็นลายลักษณ์อักษร แต่เนื้อหาก็ครอบคลุมคดีทุจริตและการยึดทรัพย์ ซึ่งเป็นการเปิดประตูให้มีการฟ้องร้องต่อศาลได้หากร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯผ่านสภา ทั้งนี้ หากร่างดังกล่าวคืนทรัพย์ได้ก็จะกลายเป็น พ.ร.บ.การเงินฯทันที ที่นายกรัฐมนตรีต้องลงนามให้ความเห็นชอบ แต่การที่ฝ่ายรัฐบาลระบุว่าไม่เป็น พ.ร.บ.การเงินนั้น เพื่อต้องการกัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ออกไป ขณะเดียวกัน การที่แกนนำ นปช.ออกมาระบุว่าจะไม่รับการนิรโทษกรรมนั้น ต้องรอดูบทบาทของแกนนำในสภาฯ ในช่วงการลงมติ จะพิสูจน์ได้ดีที่สุดว่าเป็นการเล่นละครหรือคัดค้านอย่างจริงจัง
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยอาจจะถอยเรื่องดังกล่าวออกไปเพื่อลดกระแสคัดค้านจากสังคม นายจุรินทร์ตอบว่า อย่างเพิ่งวางใจ เพราะช่วงที่มีการเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ เข้าสภาฯ ก็ระบุว่าจะนิรโทษกรรมให้เฉพาะผู้ชุมนุม แต่สุดท้ายก็กลายพันธุ์ ซึ่งไม่มีหลักประกันอะไร คำพูดของคนในรัฐบาลต่อเรื่องนี้ ไม่น่าเชื่อถือ ขอให้อย่าประมาทและอย่าวางใจ เพราะอาจจะมีการลักไก่ก็ได้ ทั้งนี้ ขอฝากไปยังรัฐบาลว่าอย่านำประเทศย้อนยุคกลับไปเหมือนก่อนเหตุการณ์ 19 ก.ย. 49 ที่มีการแก้ไขกฎหมายเพื่อตัวเอง ซึ่งวันนี้หากเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นก็ขอเตือนรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยว่าต้องรับผิดชอบ
ด้านนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กระแสการต่อต้านจากกลุ่มคนเสื้อแดงที่สูญเสียเนื่องจากไม่เห็นด้วยกับการออกกฎหมายนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่ง ซึ่งตรงกับจุดยืนพรรคประชาธิปัตย์ที่คัดค้านการนิรโทษกรรมโดยผู้ใหญ่ของพรรคพร้อมที่จะเข้าสู้กระบวนการยุติธรรมตามที่ยืนยันมาโดยตลอด ทั้งนี้ตนเชื่อว่าการแปรญัตติของนายประยุทธ ศิริพานิชย์ ที่เสนอต่อกรรมาธิการฯ นั้น เป็นเรื่องที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยรับทราบกันทุกคนเพราะกรรมาธิการฯ ของพรรคเพื่อไทยไปตั้งแต่เช้าอย่างครบถ้วน สะท้อนว่ารู้ล่วงหน้า แต่เมื่อโยนหินถามทางแล้วเกิดกระแสต่อต้านมากจึงทำให้ ส.ส.เสื้อแดงออกมาเล่นบทไม่เห็นด้วย จึงต้องจับตาว่าจะมีการปรับเปลี่ยนไปใช้ร่างของนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ซึ่งอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 30 เพราะเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่
นายชวนนท์กล่าวว่า ทั้งนี้พรรคขอเสนอทางออกว่าหากยืนยันว่าแกนนำไม่ต้องการนิรโทษกรรมและ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่เกี่ยว ขอให้ใช้ลักษณะความผิดเป็นตัวแยกแยะคดีที่จะได้รับนิรโทษกรรมให้ชัดเจนว่า มีแต่ประชาชนที่ชุมนุมขัดต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเท่านั้นที่จะได้รับการนิรโทษกรรม ไม่รวมคดีอาญา และคดีทุจริต ก็จะเป็นทางออกที่สวยงาม แต่ถ้ายังดึงดันที่จะเดินหน้านิรโทษกรรมให้กับแกนนำและ พ.ต.ท.ทักษิณ ตนเชื่อว่ากฎหมายฉบับนี้จะไปแท้งที่ศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้นจึงต้องระบุโทษให้ชัดเจนมากกว่าจะใช้คำที่คลุมเครือเพราะไม่มีบทบัญญัติในศัพท์กฎหมาย ซึ่งตนจะรอดูว่ารัฐบาลเพื่อไทยจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้
นายชวนนท์กล่าวอีกว่า ส่วนพวกที่ออกมาแถลงข่าวว่าจะไม่รับอานิสงส์จากกฎหมายดังกล่าวนั้นก็เป็นเพียงการแสดงละครให้คนเสื้อแดงหลงเชื่อเท่านั้น ซึ่งหากวันใดหมดอาชีพน่าจะไปเล่นละครเลี้ยงชีพได้ อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมทั้งหมดได้ทำให้คนเสื้อแดงส่วนหนึ่งตาสว่าง เช่น นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดาน้องเกดที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ปี 53 และนายสมบัติ บุญงามอนงค์ แกนนำคนเสื้อแดงที่เคยบอกว่าหากมีการแปรญัตติที่ทำให้แกนนำหรือ พ.ต.ท.ทักษิณได้ประโยชน์จะออกมาร่วมชุมนุมคัดค้านร่างกฎหมายนี้ ก็ขอให้ทำตามที่เคยพูดไว้ด้วย