กมธ.นิรโทษ เร่งเพิ่มประชุมอีกวัน เห็นพ้องเขียนหลักการไม่พาดพิงใคร

มติ กมธ.นิรโทษ เสียงข้างมากให้เพิ่มประชุมวันศุกร์อีกวัน พร้อมลงกรอบเวลาปล่อยผีในรายมาตรา แต่เห็นพ้องเขียนหลักการและเหตุผลให้ชัด ไม่พาดพิง

วันนี้ (10 ต.ค.) ที่รัฐสภา การประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิด เนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง และการแสดงออกทางการเมืองของประชาชน พ.ศ....ที่มี นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ ทำหน้าที่ประธานการประชุม ก่อนเข้าสู่วาระที่ประชุมได้มีการหารือถึงกรอบเวลาในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเพิ่มเติม เนื่องจากมองว่าการประชุมสัปดาห์ละ 1 ครั้ง จะทำให้การพิจารณาล่าช้า ขณะที่กรรมาธิการฝ่ายค้านยืนยันว่ารัฐบาลไม่ควรเร่งรีบการพิจารณา เพราะเป็นกฎหมายที่สำคัญ และมีผู้เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก จึงต้องใช้ความรอบคอบในการพิจารณา ทั้งนี้ที่ประชุมมีมติให้เพิ่มการประชุมทุกวันศุกร์ ในเวลา 09.30-13.00 น.

จากนั้นที่ประชุมได้หารือถึงกรอบเวลาที่จะใช้นิรโทษกรรมให้กับผู้กระทำความผิดในเหตุการณ์ทางการเมือง โดยประธานได้เสนอให้พิจารณาลงรายมาตรา ขณะที่กรรมาธิการฝ่ายค้านเสนอให้ยกเลิกมติเดิมที่จะพิจารณากรอบเวลาก่อนที่จะลงรายมาตรา ทั้งนี้ที่ประชุมมีมติด้วยเสียงข้างมากให้พิจารณาลงรายมาตรา ขณะที่กรรมาธิการฝ่ายค้านคัดค้านต่อเรื่องดังกล่าว นายธนา ชีรวินิจ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ประชุมยังไม่สมควรที่จะพิจารณาลงรายมาตรา เนื่องจากยังไม่ได้เชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทางการเมืองมาชี้แจง

ทั้งนี้กรรมาธิการฝ่ายค้าน ยังเห็นตรงกันว่าไม่ควรเลือกช่วงเวลาการนิรโทษกรรมเริ่มตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 เนื่องจากมีความขัดแย้งทางการเมืองเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ด้วย และที่ประชุมได้มีการประท้วงกันไปมา ในกรณีที่ ส.ส.ฝ่ายค้านได้พาดพิงบุคคลอื่น เกี่ยวกับการนิรโทษกรรม

ขณะที่ นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือ คตส.แนะนำว่าหากจะเขียนเหตุผลของการนิรโทษกรรมให้กับบุคคลที่เข้าร่วมการชุมนุมทางการเมือง ควรเขียนเหตุผลสั้นๆ ว่าเนื่องจากยังมีความขัดแย้งของประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางของรัฐบาลจึงมีความกระด่างกระเดือง แต่เมื่อเหตุการณ์ต่างๆ สงบลงก็อยากให้ทุกฝ่ายเลิกแล้วต่อกัน

ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นตรงกันว่าการเขียนหลักการและเหตุผลของร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวควรเขียนให้ชัดเจน สอดคล้องด้วยเหตุและผล ไม่ควรที่จะกระทบต่อบุคคลอื่น และเหตุการณ์ทางการเมืองต่างๆ ไม่มีการชี้ผิดชี้ถูกใคร รวมถึงไม่ควรหยิบประเด็นที่ทำให้เกิดความเสียหาย

อย่างไรก็ตาม นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่าการประชุมในวันนี้ทางฝ่ายค้านจะเดินหน้าอภิปรายในส่วนของหลักการและเหตุผลให้แล้วเสร็จภายในวันนี้ ซึ่งคาดว่าจะยังไม่สามารถเข้าสู่การพิจารณาในวาระ 1 ได้