“พานทองแท้” ใช้เฟซบุ๊กออกข่าวตามถนัด บอกไม่มีวันนี้เพราะพ่อให้ ในการลง ส.ส.โวพ่อไม่เคยเชียร์ แม่ไม่เคยผลักดัน แต่ที่เล่นเฟซบุ๊กโต้ตอบทางการเมืองเพราะตกกระไดพลอยโจน อ้างไม่เคยมีความคิดเป็นนักการเมือง แต่ทำเป็นอุบไต๋ วันที่เลือกไม่ได้ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด
วันนี้ (7 ต.ค.) นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และผู้ต้องหาหนีคดีอาญาแผ่นดิน ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก Oak Panthongtae Shinawatra ระบุว่า “เห็นข่าวอาแจ๊ด (พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล) ปฏิเสธว่า ยังไงๆ ก็ไม่มีวันนี้เพราะพี่ให้ในการไปลง ส.ส. พานทองแท้ ก็ขอปฏิเสธว่า ไม่มีวันนี้เพราะพ่อให้ ในการลง ส.ส.เช่นเดียวกัน
และที่สำคัญก็คือ พ่อผมไม่เคยเชียร์ แม่ผมไม่เคยผลักดัน ตัวผมเองไม่เคยชอบการเมืองเลย แม้แต่นิดเดียวครับ มีแต่ทีมงานผมนี่แหละ ที่เชียร์ให้ตั้งพรรค (พวก) ในโลกไซเบอร์ขึ้นมา เพื่อต่อสู้กับเหล่าอธรรม โดยใช้ชื่อว่า “พรรคเพื่อนโอ๊ค” โดยอาศัยฤกษ์งามยามดี ครบ 1 ล้านไลค์เมื่อไหร่ ตั้งพรรคเลย (อาจจัดเที่ยวบิน NASA #2 นำทีมไซเบอร์ไปเยี่ยมคนแดนไกลกันอีกครั้งนะครับ เดี๋ยวรอขออนุญาตพ่อก่อน)
ขอย้ำกันอีกครั้งนะครับว่า ครอบครัวผม ทั้งคุณพ่อ, คุณอา, คุณอาเขย แม้กระทั่งเฟซบุ๊กของผมนี้ ก็ไม่ได้เริ่มต้นจากการเมืองเลย ทั้งหมดนี่เป็นในลักษณะตกกระไดพลอยโจนทั้งนั้นครับ
ผมพูดอยู่เสมอว่า ถ้าเลือกได้ ผมขอชีวิตครอบครัวของผมกลับคืน คืนความเป็นธรรมให้กับคุณพ่อผม ขอให้ครอบครัวผมได้ใช้ชีวิตร่วมกัน เช่นเดียวกับครอบครัวอื่นทั่วไป ผมและน้องๆ ทั้ง 2 คนจะดึงพ่อมากอด และดึงออกมาให้ไกลการเมืองตลอดไป และไม่หวนกลับมาอีกเลยในชีวิตนี้
ถ้าเลือกได้ ที่ผ่านมาหากไม่มีการรัฐประหาร คุณพ่อผมคงเป็นนายกฯ ครบเทอมที่ 2 และเกษียณตัวเอง มาอยู่กับครอบครัวอย่างมีความสุข ป่านนี้ก็คงรอลุ้นว่าเมื่อไหร่จะได้อุ้มหลาน ทางการเมืองก็คงจะเป็นแค่ผู้ให้คำปรึกษาฯ และประเทศไทยคงเดินหน้าไปได้ไกลกว่านี้เยอะ ไม่ต้องมาหยุดชะงักงัน กับการปฏิวัติรัฐประหารครับ
และถ้าเลือกได้ ไม่มีการรัฐประหาร ก็ไม่มีการตั้ง คตส.มาตรวจสอบเรื่องราวต่างๆ อย่างมีอคติ เหตุการณ์ 2 มาตรฐานประเภทที่ อดีตนายกฯคนหนึ่ง เมียจ่ายเงินซื้อที่ดิน จะทำบ้านพักอาศัย ผัวกลับต้องโทษโดนจำคุก 2 ปี ส่วนอีกคนหนึ่งบุกรุกเอาผืนป่าต้นน้ำ เอามาทำบ้านพักตากอากาศ อยู่มาเป็นสิบปีกลับไม่มีความผิด แถมยังได้รับการนับหน้าถือตาในสังคมอีก ก็คงจะไม่เกิดขึ้นในเมืองไทยของเรา
ทุกวันนี้ที่ผมมาเกี่ยวข้องกับการเมือง ก็เกินลิมิตที่คุณพ่อคุณแม่เคยตั้งใจไว้แล้วครับ ตัวผมเองยิ่งแล้วใหญ่ ไม่เคยมีความคิดอยู่ในสมองที่จะมาเป็นนักการเมืองเลย ดังนั้นสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ ทั้งรุ่นใหญ่รุ่นเล็ก ออกมาดีดดิ้นกันกระจองอแงนั้น เลิกกังวลและสบายใจได้ กลับไปหาอะไรทำให้เป็นประโยชน์ คุ้มค่าภาษีอากรของพี่น้องประชาชนดีกว่าครับ
ทั้งหมดที่ผมพูดมานี้ อยู่ภายใต้คำว่าถ้าเลือกได้ทุกคำพูดครับ ทุกวันนี้ผมเลือกที่จะไม่ลง ส.ส. ไม่เล่นการเมือง ไม่รับตำแหน่ง ไม่สืบทอดอำนาจใดๆ อย่างเช่นลูกหลานนักการเมืองส่วนใหญ่เขาทำกัน และทุกวันนี้ก็ไม่มีภาวะใด ที่จะมาบีบบังคับให้ผมต้องทำ ในสิ่งที่ผมไม่อยากจะทำครับ
ถ้าผมเลือกได้ ผมขอทำหน้าที่องครักษ์พิทักษ์อาปู และจะขอทำหน้าที่จนกว่า ผู้ที่มีใจรักประชาธิปไตยจะเป็นฝ่ายชนะ คุณพ่อผมได้กลับบ้าน และเพื่อนฝูงพี่น้องทุกคนที่ต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยด้วยกันมา เป็นฝ่ายชนะ ได้รับความเป็นธรรมกลับคืน แต่ถ้าถึงวันที่เลือกไม่ได้เมื่อไหร่ อะไรจะเกิด มันก็ต้องเกิดครับ