เครือข่ายคนเสื้อแดงดิ้นพล่าน ยื่นศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคประชาธิปัตย์ ตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค 5 ปี อ้าง “สมเจตน์-วิรัตน์” ยื่นตีความแก้รัฐธรรมนูญที่มา ส.ว.เข้าข่ายกบฎล้มล้างการปกครอง ด้านดีเจเสื้อแดงกดดันตุลาการอีกทาง ร้องตั้งกรรมการสอบ “บุญส่ง กุลบุปผา” กรณีเงินเดือนลูกชาย
วันนี้ (2 ต.ค.) นายหนึ่งดิน วิมุตตินันท์ ทนายความชมรมผู้รักความเป็นธรรม ได้นำนางรัชนี อักษรประดิษฐ์ กรรมการกลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (กวป.) และนายโชคชัย ฤทธิ์บุญรอด ตัวแทนเครือข่ายสภายุติธรรม ซึ่งทั้งหมดเป็นเครือข่ายแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง มายื่นฟ้อง พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ส.ว.สรรหา กับพวก และนายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กับพวกซึ่งเป็นผู้ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยและสั่งชะลอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มา ส.ว.ต่อศาลรัฐธรรมนูญ โดยกล่าวหาว่า การที่ พล.อ.สมเจตน์ และนายวิรัตน์ กับพวกมายื่นคำร้องดังกล่าวต่อศาลรัฐธรรมนูญ เข้าข่ายเป็นกบฏตามรัฐธรรมนูญมาตรา 3 ประกอบมาตรา 113 และถือว่ากระทำการเพื่อให้มาซึ่งอำนาจในการปกครองโดยวิถีทางที่ไมได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญตามมาตรา 68 จึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องดังกล่าวและสั่งยุบพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา 5 ปี
นายหนึ่งดินกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยที่ 18-22 กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูยมาตรา 291 แล้วว่า อำนาจการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นของรัฐสภา และคำวินิจฉัยนี้มีผลผูกพันทุกองค์กรต้องปฏิบัติตาม ดังนั้นการที่พล.อ.สมเจตน์ และนายวิรัตน์ มายื่นคำร้องดังกล่าวถือว่าเป็นการยื่นคำร้องซ้ำ รวมทั้งศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่มีอำนาจที่จะรับคำร้องนี้ไว้วินิจฉัยเพราะจะเท่ากับว่าศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจเหนือกว่าฝ่ายนิติบัญญัติและรัฐธรรมนูญ ซึ่งถ้าเป็นศาลแพ่งแล้วจะไม่รับคำร้องที่เคยตัดสินไปแล้วมาพิจารณาอีก และยังเห็นว่ารัฐธรรมนูญไม่ให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ให้วินิจฉัยได้เฉพาะร่างพ.ร.บ.ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่
ขณะเดียวกัน นายมาลัยรักษ์ ทองชัย หรือศรรักษ์ มาลัยทอง ดีเจกลุ่มคนเสื้อแดง ในฐานะโฆษกกลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือ กวป. ก็ได้เข้ายื่นทวงถามความคืบหน้ากรณีที่ได้ขีดเส้นตายให้นายบุญส่ง กุลบุปผา ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แสดงความรับผิดชอบลาออกภายใน 7 วันจากกรณีส่งบุตรชายไปศึกษาต่อต่างประเทศโดยพลการ แต่ยังคงได้รับเงินเดือนจากสำนักงาน ซึ่งหากนายบุญส่งยังไม่ลาออก ก็ขอให้ประธานศาลรัฐธรรมนูญตั้งคณะกรรมการสอบวินัยนายบุญส่งเพราะการกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
