ผู้บัญชาการทหารเรือ ส่งมอบหน้าที่ให้ว่าที่ ผบ.ใหม่ ก่อนอำลาชีวิตราชการ ชูหน่วยงานร่วมมือปฏิบัติภารกิจปกป้องชาติ ชม “ณรงค์” มุ่งมั่น ซื่อสัตย์ ทำเพื่อกองทัพ เชื่อพาแล่นนาวาได้ เจ้าตัวพร้อมสานงาน ปรับปรุงกำลังรบ ยันยังอยากได้เรือดำน้ำ ย้ำแก้ไฟใต้มาถูกทาง คาดอีก 5-6 ปี คงได้ฟริเกตโสมขาวใช้ ระบุคนไม่พอใจเก้าอี้อีกสักพักก็หมดปัญหา เผยกองทัพเป็นเครื่องมือรัฐถ้าสั่งในสิ่งที่ถูกก็ทำสุดใจ
วันนี้ (30 ก.ย.) ที่กองบัญชาการกองทัพเรือ เมื่อเวลา 13.30 น.พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้ประกอบพิธีส่งมอบหน้าที่ผู้บัญชาการทหารเรือให้กับ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองผู้บัญชาการทหารเรือ โดยมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่จากหน่วยต่างๆ ของกองทัพเรือเข้าร่วมพิธี ซึ่งกองทหารเกียรติยศได้ยิงสลุตจำนวน 19 นัด เพื่อเทิดเกียรติให้แก่ พล.ร.อ.สุรศักดิ์ ก่อนอำลาชีวิตรับราชการด้วย
โดย พล.ร.อ.สุรศักดิ์ กล่าวว่า 2 ปีที่ผ่านมากับตำแหน่ง ผบ.ทร.หน่วยต่างๆ ได้ร่วมมือร่วมใจปฏิบัติภารกิจปกป้องประเทศ ถวายความจงรักภักดี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ คุ้มครองผลประโยชน์ประเทศชาติทางทะเล ช่วยเหลือภัยพิบัติต่างๆ รวมถึงงานดูแลความสงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขอขอบคุณทุกหน่วยงานของกองทัพเรือที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี สำหรับ ผบ.ทร.คนใหม่เป็นทหารเรือที่มีความรู้ความสามารถ ซื่อสัตย์สุจริต ปฏิบัติงานด้วยความมุ่งมั่น ทำงาน เพื่อกองทัพเรือมาโดยตลอด เชื่อว่า ท่านจะนำพากองทัพเรือไปข้างหน้า เพื่อปฏิบัติภารกิจสำคัญต่อไป
ด้าน พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าวว่า ทุกคนยอมรับในความรู้ความสามารถ ความขยันหมั่นเพียร สติปัญญา คุณธรรม ความเป็นผู้นำในการบังคับบัญชา รวมถึงความเป็นสุภาพบุรุษทางทหารเรือของ พล.ร.อ.สุรศักดิ์ ที่ผ่านมา จึงได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชาในการปฏิบัติหน้าที่จนได้รับตำแหน่งเป็นผู้นำสูงสุดในกองทัพเรือ โดยทุ่มเทกำลังกาย ไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย ปฏิบัติงาน เสริมสร้างความมั่นคงให้กับกองทัพเรือ มุ่งผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญจนเป็นที่ยกย่องของประชาชน ในโอกาสเกษียณอายุราชการตนและนายทหารทุกคน รู้สึกอาลัยรักเป็นอย่างยิ่ง เพราะตลอด 40 ปี พล.ร.อ.สุรศักดิ์ ได้สร้างคุณงามความดีจนเป็นที่ประจักษ์ เทิดทูนสถาบันไว้ยิ่งชีวิต ตนและข้าราชการของกองทัพเรือขอจารึกเกียรติคุณที่ท่านได้กระทำและขอนำมาเป็นแบบอย่างสืบไป
ภายหลังเสร็จพิธี พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าวถึงนโยบายการพัฒนากองทัพเรือใน 1 ปีว่า นโยบายจะต้องสานงานต่อจาก ผบ.ทร.ท่านเดิมที่ดำเนินการไว้ โดยเฉพาะการปรับปรุงพัฒนากำลังรบให้เป็นไปตามโครงสร้างของกองทัพเรือ และบูรณาการศักยภาพทางเรือร่วมกับเหล่าทัพอื่นอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการเข้าไปช่วยเหลือประชาชน และการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งกองทัพเรือต้องเป็นไปตามวิสัยทัศน์ที่ได้กำหนดไว้ โดยจะเป็นกองทัพเรือชั้นนำในภูมิภาคด้วยขนาดกำลังรบ สมดุล ทันสมัย ส่วนการจัดหาซื้อเรือดำน้ำนั้น ทางกองทัพเรือยังดำรงความต้องการและความมุ่งมั่น เพราะถือเป็นกำลังรบที่มีความสำคัญ ปัจจุบันโครงสร้างของกองทัพเรือวิเคราะห์แล้วว่า เรือดำน้ำเป็นอาวุธที่เพิ่มศักยภาพของกองทัพเรือให้มีความเข้มแข็งทัดเทียมกับประเทศรอบบ้าน แต่คงต้องดูจังหวะ เวลา และความเหมาะสม หากมองระยะเวลา 1 ปีที่ตนดำรงตำแหน่งนั้น แม้จะเป็นระยะเวลาสั้น แต่ก็สามารถทำประโยชน์ให้กองทัพมากพอสมควร ส่วนด้านสวัสดิการกำลังพล กองทัพเรือให้ความสำคัญทุกระดับชั้น โดยเฉพาะกำลังพลที่เสี่ยงภัยทางภาคใต้ โดยเราจะดูแลเป็นอย่างดี และตนจะลงพื้นที่ชายแดนภาคใต้ ซึ่งคิดว่า ขณะนี้การแก้ไขปัญหาภาคใต้เดินมาถูกทางแล้ว
เมื่อถามถึงความคืบหน้าโครงการจัดสร้างเรือฟริเกตจากประเทศเกาหลีใต้วงเงิน 1.46 หมื่นล้านบาท สมรรถนะสูงนั้น พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าวว่า ตอนนี้อยู่ในช่วงเริ่มต้นของโครงการ เมื่อมีการลงนามในสัญญาแล้ว ทางบริษัทดังกล่าวจะต้องดำเนินการในการเซ็ตระบบ ในการออกแบบ แก้แบบ คงต้องใช้ระยะเวลาอีกนาน 5-6 ปีกว่าจะได้เรือมาประจำการ
เมื่อถามถึงความเป็นธรรมในการโยกย้ายนายทหารครั้งที่ผ่านมา พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าวว่า เรื่องความเป็นธรรมหรือไม่เป็นธรรมขึ้นอยู่กับการมอง แต่ทุกคนทราบว่า คนที่ไปดำรงตำแหน่งจะคิดว่า ตัวเองเหมาะสมหรือพอใจ คงเป็นไปไม่ได้ แต่ต้องดูจากผู้บังคับบัญชาที่มองลงมาว่า ใครเหมาะสมในตำแหน่งไหน ทั้งนี้ ตนเชื่อว่า กองทัพเรืออยู่กันแบบพี่น้อง อาจจะมีบ้างในช่วงแรกในความรู้สึกที่ไม่พอใจนักที่ต้องไปอยู่ในตำแหน่งที่ตัวเองคิดว่าไม่เหมาะสม แต่อีกสักพักคงหมดปัญหา ตนจะทำเรื่องนี้ให้ดีที่สุด และแบ่งงานให้ดีที่สุด ส่วนจุดยืนต่อสถานการณ์ทางการเมืองนั้น ตนเป็นทหารอาชีพ การเมืองเป็นเรื่องของรัฐบาล กองทัพเรือเป็นเครื่องมือของรัฐบาลขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่า จะสั่งให้เราทำอะไร ถ้ารัฐบาลสั่งในสิ่งที่ถูกต้อง กองทัพเรือจะทำอย่างสุดใจ ซึ่งทุกรัฐบาลมีใจที่จะใช้กองทัพให้เป็นประโยชน์เพื่อประเทศชาติทั้งสิ้น และกองทัพเรือจะไม่เข้าไปก้าวกายเรื่องการเมือง