“ชวนนท์” ซัด “ยรรยง” เอาแต่โทษดินฟ้าอากาศ-โทษสื่อ-ประชาชน ลอยตัวเหนือปัญหา ไม่คิดแก้ผักแพง จี้ดูแลค่าครองชีพ ลากไส้รัฐบาลไพร่กระทืบคนจน อุ้มชูคนรวย ยกนโยบายลดภาษีนิติบุคคลทำไทยมีมหาเศรษฐีเพิ่ม ขณะเดียวกัน จวก รมช.พาณิชย์ไร้มารยาท ตำหนิ ขรก.ตงฉิน สอนมวยให้ทำหน้าที่ตัวเอง ส่งรายงานข้าวในสต๊อก อ.ต.ก.-อคส.เพื่อปิดบัญชี เตือนชาวนาถูกต้มจำนำรอบหน้า รัฐถังแตกไร้เงินจ่ายให้เกษตรกร
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความไม่สบายใจในการแก้ปัญหาค่าครองชีพของรัฐบาล โดยท่องแค่ว่า “คิดไปเอง สื่อชี้นำ” ทั้งที่ความจริงของแพงทุกอย่างไม่ใช่แค่เพียงไข่ไก่เท่านั้น แต่ผักก็ขึ้นราคา เช่น ผักกาดหอมในสื่อมวลชนรายงานว่าราคา 45 บาท แต่ตนให้แม่บ้านไปซื้อที่ตลาดพบว่าราคาแพงกว่าที่มีการระบุในสื่อมวลชนถึง 20 บาท คืออยู่ที่ 65 บาท ส่วนกะหล่ำปลี จากปีที่แล้ว 14 บาท ขึ้นมา 16 บาท เป็น 30 บาท
ดังนั้น รัฐบาลต้องเอาจริงเอาจังว่าจะดำเนินการอย่างไร อย่าให้นายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ ออกมาพูดโทษดินฟ้าอากาศ โทษประชาชน โทษสื่อมวลชน แต่ไม่แก้ปัญหา ทั้งที่ปัญหาเกิดจากนโยบายที่ไปกระทบต้นทุนการผลิตจะดูแลปัญหาให้ประชาชนอย่างไร เพราะคนจนกำลังถูกกระทืบคนรวยเสวยสุขจากรัฐบาลไพร่ โดยมีการลดภาษีนิติบุคคลจาก 30% เหลือ 20% นั้น สภาพัฒน์ระบุว่าบริษัทที่ได้ประโยชน์คือบริษัทใหญ่ และบริษัทข้ามชาติที่จ่ายภาษีน้อยลง 10% แต่รัฐบาลกลับรีดเลือดจากคนจน พ่อค้าแม่ค้า คนขับแท็กซี่ คนหาเช้ากินค่ำ ด้วยการขึ้นราคาพลังงาน นอกจากนี้ มีการเปิดตัวเลขมหาเศรษฐีของประเทศไทยเพิ่มขึ้น 10 กว่าคนภายในปีเดียวเพราะได้เงินจากการเสียภาษีนิติบุคคลที่ลดลง นี่คือนโยบายพรรคเพื่อไทย ที่กระทืบคนจนอุ้มชูคนรวย
สำหรับการปิดบัญชีโครงการจำนำข้าว ที่นายยรรยงออกมาตำหนิคณะกรรมการปิดบัญชีฯ นั้น นายยรรยงควรจะทำตัวเป็นรัฐมนตรีที่มีมารยาทมากกว่านี้ และทำหน้าที่ของตัวเองด้วยการรายงานกระทรวงการคลังว่าข้าวในสต๊อกของ อ.ต.ก. และ อคส.เหลืออยู่เท่าไหร่ เพื่อให้คณะกรรมการฯ ปิดบัญชีได้ อย่าไปต่อว่าข้าราชการตงฉินที่ไม่ใช่กังฉินเหมือนข้าราชการบางคนและควรจะให้เกียรติข้าราชการด้วย ตนขอย้ำว่าขณะนี้รัฐบาลไม่มีเงินที่จะทำโครงการจำนำข้าว เพราะกรอบเงินกู้ 5 แสนล้านที่ ครม.อนุมัติไว้เต็มวงเงินแล้ว ไม่มีเงินเหลือที่จะรับจำนำอีก จึงขอเตือนชาวนาว่า การรับจำนำข้าวรอบใหม่อาจจะไม่ได้เงิน ซึ่งนายกรัฐมนตรีต้องดูแลปัญหาด้วยตัวเอง เลิกทัวร์ทั้งในและนอกประเทศ แล้วพิสูจน์ตัวเองด้วยการทำงาน ไม่เช่นนั้นคำติฉินนินทาที่นายกรัฐมนตรีไม่ชอบก็จะติดตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ตลอดไป