รองเลขาฯ นายกฯ เผย รายงาน “ยิ่งลักษณ์” เหตุม็อบสวนยางปิดถนนอีก อ้างเกษตรกรเสียงแตก ยื่นเงื่อนไขต้องชดเชยทุกต้นรวมพื้นที่ผิดกฎหมาย จ่ายรายหัว แถมต้องให้ “ประชา” เซ็น โวยเกเรเกินกว่าจะรับได้ เชื่อการเมืองหนุนหลังชัด โอ่มีชื่อแล้วเด็กใคร เล็งฟันพวกป่วน อ้างคุยยังไงก็ไม่จบ
วันนี้ (15 ก.ย.) ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อเวลา 12.30 น. พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเข้ารายงาน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ถึงสถานการณ์กลุ่มเกษตรกรชาวสวนยาง 11 จังหวัดภาคใต้ปิดถนนสี่แยกควนหนองหงส์ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช หลังปฏิเสธลงนามข้อตกลงตามมติคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) ช่วยเหลือเงินสดไร่ละ 2,520 บาทต่อไร่ ครอบครัวละ 25 ไร่ ระยะเวลา 7 เดือนตอลดฤดูกาลเปิดกรีดยาง ว่ารายงานนายกฯถึงการเจรจาเมื่อวันที่ 14 ก.ย.ที่เสียงแตกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่ม จ.นครศรีธรรมราชยอมรับเงื่อนไข ขณะที่กลุ่มที่มาจากจังหวัดอื่นๆ ไม่ยอมยุติ ยื่นเงื่อนไขต่อรองเรียกร้องยางทุกต้นที่ปลูกในประเทศไทย รัฐบาลต้องชดเชย ช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ถูกกฎหมายหรือผิดกฎหมาย เรียกร้องหลังจากนี้รัฐบาลต้องทำให้ราคายางอยู่ที่ 120 บาทต่อกิโลกรัมอย่างยั่งยืน และเรียกร้องการให้เงินช่วยเหลือจากไม่เกิน 25 ไร่ต่อครอบครัว มาเป็นรายบุคคลแทน ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่รับไม่ได้ ร่วมถึงเรียกร้องผู้ที่ต้องลงนามต้องเป็น พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรีเท่านั้น ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่าเกเร เกินกว่าที่รัฐบาลจะรับได้
พล.ต.ต.ธวัชกล่าวว่า ชัดเจนกลุ่มที่ไม่พอใจมีการเมืองหนุนหลังเชื่อมโยงแกนนำพรรคการเมืองฝ่ายค้านภาคใต้ ซึ่งมีรายชื่ออยู่แล้วว่าใครเป็นคนของใคร ใครเป็นแกนนำ บงการทำให้เกิดความเข้าใจผิดสวนทางกับข้อเท็จจริงที่รัฐบาลมีมติ ไปพูดว่ารัฐบาลไม่จริงใจ สร้างความเกลียดชังรัฐบาล ปลุกระดมไม่ให้มีการลงทะเบียนเบียนโดยอ้างว่าหากไปลงทะเบียนแล้วต้องเสียภาษีย้อนหลัง นี่คือการเมืองล้วนๆ ที่เกิดขึ้นในการแก้ไขปัญหายางพารา พยายามสร้างเงื่อนไขต่อไปเรื่อยๆ เพื่อให้การเจรจาสามารถหาข้อยุติได้ ทั้งที่ส่วนใหญ่ยอมรับมติ อย่างเกษตรกร จ.สงขลา ปัตตานี นราธิวาสก็ยอมรับ จะไม่มีการปิดด่านหรือเส้นทางขนส่งระหว่างประเทศ อย่างนายเอียด เส้งเอียด แกนนำชาวสวนยางชะอวดก็ประกาศไม่เข้าร่วมการชุมนุมครั้งนี้ และยอมร่วมลงนาม ถึงอย่างไรรัฐบาลยืนยันตามข้อตกลงเดิม กลุ่มที่ไม่เห็นด้วยถือเป็นสิทธิก็เรียกร้องไป ส่วนการปิดถนนส่วนใหญ่พบเป็นวัยรุ่น สภาพที่มีการปิดถนนเป็นสภาพเดียวกับในสภาทั้งหมด แต่ยังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ การจราจรยังไม่เป็นอัมพาต และจากการหารือร่วมกับ พล.ต.อ.ประชา และ ผบ.ตร. ให้มีการดำเนินคดีต่อกลุ่มที่ปิดถนน เพราะเข้าข่ายความผิดอาญา พวกนี้ไปใช้วิธีเจรจาอย่างไรก็ไม่จบ