กมธ.พ.ร.บ.นิรโทษฯ ส่วนใหญ่หนุนเรียงลำดับเหตุการณ์ เพื่อครอบคลุมนิรโทษฯ กมธ.เสียงข้างน้อย ชี้ ล้างความผิดการเมืองควรลบประวัติ ไม่รวมคดีหมิ่นสถาบัน ควรขอข้อมูลฐานความผิดกับหน่วยงานที่รับผิดชอบ เชิญผู้รับผลกระทบแสดงความเห็น เพื่อออก กม.ให้ครอบคลุม ชงล้างผิดไม่ยึดกรอบเวลา แต่ยังไร้ข้อสรุป กลุ่มญาติวีรชนร่วมรับฟังและขอร่วมทุกครั้ง
วันนี้ (12 ก.ย.) การประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิด เนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง ซึ่งในวันนี้เป็นการหารือถึงแนวทางในการขอข้อมูลจากหน่วยงานต่างๆ เพื่อกำหนดขอบเขตของบุคคลที่จะได้รับการนิรโทษกรรมจากเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง โดยกรรมาธิการส่วนใหญ่เห็นตรงกันที่จะให้มีการเรียงลำดับเหตุการณ์ทีละเหตุการณ์ เพื่อที่จะครอบคลุมบุคคลที่เข้าข่ายการนิรโทษกรรม
ด้านคณะกรรมาธิการเสียงข้างน้อย อาทิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ นายถาวร เสนเนียม เห็นว่า หากมีการนิรโทษฯผู้ที่ถูกจำคุกจากคดีทางการเมือง ควรที่จะมีการลบประวัติกับบุคคลดังกล่าวด้วย เพื่อคืนความบริสุทธิ์ แต่ไม่ควรนิรโทษฯกับผู้ที่มีคดีหมิ่นสถาบัน และในการรวบรวมข้อมูลต่างๆ ควรที่จะขอข้อมูลจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ, สำนักงานอัยการ และสำนักงานยุติธรรมด้วย โดยเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคดีที่ระบุฐานความผิด ผู้กระทำความผิด ผู้เสียหาย และผลสรุปของคดีต่างๆ รวมถึงเชิญผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทางการเมืองของกลุ่มต่างๆ เข้าร่วมแสดงความคิดเห็น เพื่อที่จะได้นำข้อมูลมาประกอบในการออกกฎหมายให้ครอบคลุมต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบจากคดีทางการเมือง
ทั้งนี้ ระหว่างการชี้แจงในที่ประชุม ประธานได้เปิดโอกาสให้กลุ่มญาติวีรชนส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับของประชาชนของนางพะเยาว์ อัคฮาด หรือ แม่น้องเกต พร้อมสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ฉบับของนายวรชัย เหมะ โดยทางกลุ่มได้ขอให้ประธานพิจารณาอนุญาตให้กลุ่มญาติวีรชนส่วนใหญ่เข้าร่วมรับฟังทุกครั้งของการประชุมกรรมาธิการดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมกรรมาธิการได้อภิปรายอย่างกว้างขวางถึงประเด็นห้วงเวลาในการกำหนดระยะเวลาที่จะนิรโทษกรรม โดยเห็นว่าไม่ควรที่จะยึดติดเพียงแค่ช่วงเวลาตั้งแต่เดือนกันยายน 2549 ถึง เดือนพฤษภาคม 2553 แต่ควรรวมเหตุการณ์ก่อนช่วงเวลาดังกล่าวที่เป็นสาเหตุของชนวนความขัดแย้งที่เชื่อมโยงรวมเข้าด้วยกัน แต่สุดท้ายที่ประชุมยังไม่ได้ข้อสรุปในเรื่องนี้ ขณะเดียวกันเตรียมเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมทางการเมืองมาให้ข้อมูลในเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อกำหนดกรอบระยะเวลาที่จะนิรโทษกรรมให้ชัดเจน
วันนี้ (12 ก.ย.) การประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิด เนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง ซึ่งในวันนี้เป็นการหารือถึงแนวทางในการขอข้อมูลจากหน่วยงานต่างๆ เพื่อกำหนดขอบเขตของบุคคลที่จะได้รับการนิรโทษกรรมจากเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง โดยกรรมาธิการส่วนใหญ่เห็นตรงกันที่จะให้มีการเรียงลำดับเหตุการณ์ทีละเหตุการณ์ เพื่อที่จะครอบคลุมบุคคลที่เข้าข่ายการนิรโทษกรรม
ด้านคณะกรรมาธิการเสียงข้างน้อย อาทิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ นายถาวร เสนเนียม เห็นว่า หากมีการนิรโทษฯผู้ที่ถูกจำคุกจากคดีทางการเมือง ควรที่จะมีการลบประวัติกับบุคคลดังกล่าวด้วย เพื่อคืนความบริสุทธิ์ แต่ไม่ควรนิรโทษฯกับผู้ที่มีคดีหมิ่นสถาบัน และในการรวบรวมข้อมูลต่างๆ ควรที่จะขอข้อมูลจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ, สำนักงานอัยการ และสำนักงานยุติธรรมด้วย โดยเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคดีที่ระบุฐานความผิด ผู้กระทำความผิด ผู้เสียหาย และผลสรุปของคดีต่างๆ รวมถึงเชิญผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทางการเมืองของกลุ่มต่างๆ เข้าร่วมแสดงความคิดเห็น เพื่อที่จะได้นำข้อมูลมาประกอบในการออกกฎหมายให้ครอบคลุมต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบจากคดีทางการเมือง
ทั้งนี้ ระหว่างการชี้แจงในที่ประชุม ประธานได้เปิดโอกาสให้กลุ่มญาติวีรชนส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับของประชาชนของนางพะเยาว์ อัคฮาด หรือ แม่น้องเกต พร้อมสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ฉบับของนายวรชัย เหมะ โดยทางกลุ่มได้ขอให้ประธานพิจารณาอนุญาตให้กลุ่มญาติวีรชนส่วนใหญ่เข้าร่วมรับฟังทุกครั้งของการประชุมกรรมาธิการดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมกรรมาธิการได้อภิปรายอย่างกว้างขวางถึงประเด็นห้วงเวลาในการกำหนดระยะเวลาที่จะนิรโทษกรรม โดยเห็นว่าไม่ควรที่จะยึดติดเพียงแค่ช่วงเวลาตั้งแต่เดือนกันยายน 2549 ถึง เดือนพฤษภาคม 2553 แต่ควรรวมเหตุการณ์ก่อนช่วงเวลาดังกล่าวที่เป็นสาเหตุของชนวนความขัดแย้งที่เชื่อมโยงรวมเข้าด้วยกัน แต่สุดท้ายที่ประชุมยังไม่ได้ข้อสรุปในเรื่องนี้ ขณะเดียวกันเตรียมเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมทางการเมืองมาให้ข้อมูลในเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อกำหนดกรอบระยะเวลาที่จะนิรโทษกรรมให้ชัดเจน
