ส.ส.เมืองคอนจวก ปธ.วุฒิฯ ทำหน้าที่ฐานะ ปธ.รัฐสภาขัด รธน.ชัด รวบรัดลงมติ ม. 5 ที่มา ส.ว.โดยไร้ผู้เสนอญัตติ หน.ปชป.ค้านไม่ฟัง ทำวุ่นก่อนเปิดก้นหนี รีบจนลืมนัดประชุม นำเวลาวุฒิฯ แก้ รธน. แถมทำหนังสือย้อนหลังส่อผิดข้อบังคับ ซัดไม่เป็นกลางเห็นถึงกิเลส ตั้งธงแก้ รธน.ให้ทัน ส.ว.ชุดนี้ ตราหน้าเลว ระยำ บัดซบ ตัวอย่าง ส.ว.เลือกตั้งเลว ฉะเป็นขี้ข้า-ปชป.ไม่เคารพ
วันนี้ (5 ก.ย.) นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 4 ก.ย. 56 เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา ส.ว.ในมาตรา 5 ได้ทำผิดข้อบังคับอย่างชัดเจน ด้วยการรวบรัดการลงมติให้ปิดการอภิปรายในมาตรา 5 ทั้งๆ ที่ยังไม่มีผู้เสนอญัตติให้เปิดต่อ และไม่ฟังคำทัดทานของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร จนมีการประท้วงอย่างกว้างขวางก่อนที่นายนิคมจะชิงปิดประชุมหนี ทั้งนี้เห็นว่านายนิคมทำหน้าที่ไม่เป็นกลาง ใช้เสียงข้างมากลากไป พยายามให้การแก้รัฐธรรมนูญที่มา ส.ว.เสร็จโดยเร็ว เพราะเกรงว่าจะไม่ทันวาระของ ส.ว.ชุดนี้ เป็นการแสดงให้เห็นกิเลสของนายนิคมโดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง โดยในมาตรา 5 มีผู้สงวนคำแปรญัตติเกือบ 60 คน แต่ได้อภิปรายเพียง 5 คน ตนเป็นคนหนึ่งที่ถูกตัดสิทธิจะคัดค้านการทำหน้าที่ของนายนิคม และเห็นว่านายนิมคมสมควรได้รับคำประนามจากสังคมด้วยส 3 คำ คือ เลว ระยำ บัดซบ เพราะเป็นตัวอย่าง ส.ว.เลือกตั้งเลวที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะเมืิ่อแก้รัฐธรรมนูญสำเร็จประเทศจะได้ ส.ว.เลือกตั้งที่ไม่ต่างจากนายนิคม
นายเทพไทกล่าวด้วยว่า นายนิคมรีบชิงปิดประชุมจนไม่ได้นัดประชุมร่วมรัฐสภาในที่ประชุม แต่ใช้วิธีส่งข้อความเอสเอ็มเอสในเวลา 23.15 น. เพื่อให้ครบข้อบังคับว่าต้องเรียกประชุมล่วงหน้า 3 วัน โดยจะประชุมรัฐสภาในวันศุกร์ซึ่งวุฒิสภาจะพิจารณาการถอดถอน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีต รมว.ไอซีที แต่ประธานรัฐสภากลับเบียดบังเวลาของ ส.ว.มาแก้รัฐธรรมนูญในช่วงบ่าย อีกทั้งยังมีการส่งหนังสือย้อนหลังด้วย โดยมีการส่งหนังสือให้ ส.ส.ในวันนี้แต่ลงวันที่ 4 ก.ย. 56 ถือเป็นการทำหนังสือย้อนหลัง จึงต้องพิจารณาว่าผิดข้อบังคับหรือไม่ ทั้งนี้ตนเห็นว่านายนิคมไม่มีเครดิตการเป็นประธาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์จะไม่เคารพในการทำหน้าที่ของนายนิคม หากเกิดปัญหานายนิคมต้องพิจารณาตัวเอง เพราะการทำตัวเป็นขี้ข้าให้คนบางคนต้องคำนึงถึงความสง่างามของการเป็นประมุขวุฒิสภาด้วย
