นายกฯ กลับจากจีน อ้างจีนตั้งกรรมการดูเรื่องแลกเปลี่ยนสินค้าเกษตร ท่องคาถา “ต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ” ซ้ำซาก โวทางโน้นต้องการยางพาราหลายล้านตันต่อปี สนร่วมลงทุนแปรรูปยางพาราไทย ส่ง “นิวัฒน์ธำรง” หารือต่อ เจอนักข่าวถามชาวสวนยางร้องราคาร้อยยี่สิบ ไม่ตอบแล้วเดินหนีออกจากสนามบิน
วันนี้ (3 ก.ย.) ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อเวลา 14.10 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเดินทางกลับจากการปฏิบัติภารกิจที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ถึงการแก้ไขปัญหาราคายางพาราตกต่ำว่า การแก้ไขปัญหายางพารานั้นเป็นสิ่งที่เราได้มีการพูดคุยกันมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ครั้งที่ได้หารือกับเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยแล้ว ทั้งนี้ หลังจากการเยือนจีนและจากการหารือ สรุปความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศได้ว่า ทางรัฐบาลจีนเห็นชอบที่จะตั้งคณะอนุกรรมการภายใต้กรอบกรรมาการความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างไทย-จีน เพื่อดูเรื่องของสินค้าการเกษตรทั้งหมด รวมถึงเรื่องของข้าวและยางพาราด้วย โดยที่คณะอนุกรรมการนั้นจะพิจารณาความร่วมมือตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ซึ่งตรงนี้จะเป็นการหารืออย่างยั่งยืนร่วมกันต่อไป
สำหรับเรื่องยางพารา ทางจีนได้ให้ความสนใจในการประสานงานซื้อขายกับไทย เพราะว่ารัฐบาลจีนเองมีความต้องการใช้ยางพารา และสนใจร่วมลงทุนแปรรูปยางพารากับไทยด้วย เรื่องดังกล่าวจะมอบหมายให้นายนิวัฒน์ธํารง บุญทรงไพศาล รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ไปหารือต่อ
ผู้สื่อข่าวเมื่อถามว่า เห็นว่ารัฐบาลจะใช้ระบบการแลกเปลี่ยนสินค้าการเกษตร นายกฯ กล่าวว่า ที่เราคุยกันคือการหารือในเรื่องของการซื้อขาย และเสริมการลงทุนการแปรรูปสินค้าการเกษตร ไม่ว่าจะเป็นยางพารา รวมถึงสินค้าอื่นๆ นอกจากนั้นในกรอบความร่วมมือทั่วไป ซึ่งไทยก็มีสินค้าการเกษตรเป็นจำนวนมาก และจีนก็มีเทคโนโลยีที่จะลงทุนที่ไทย เราจึงเห็นพ้องกันว่าน่าจะมาศึกษาวิธีการแลกเปลี่ยนสินค้าการเกษตรซึ่งตรงนี้จะเป็นความร่วมมือที่เราจะหารือภายใต้กรอบคณะอนุกรรมการ
เมื่อถามว่า ในเบื้องต้นจีนได้ระบุหรือไม่ว่า ใน 1 ปีจะสามารถรับซื้อยางพาราจากไทยได้เท่าไหร่ นายกฯ กล่าวว่า จริงๆ แล้ว ความต้องการยางพาราของจีน มีหลายล้านตันต่อปี หากเราพูดคุยกันในกลไกต่างๆ เชื่อว่าจะมีกลไกที่ถาวรขึ้น ซึ่งต้องให้กระทรวงพาณิชย์ประสานงาน และรัฐบาลจีนยินดีในการสนับสนุนภาคเอกชน ในการเข้าซื้อและร่วมลงทุนกับไทย เมื่อถามว่าเกษตรกรชาวสวนยางพาราต่อรองราคาจาก 120 บาทต่อกิโลกรัม ลดลงเหลือ 101 บาทต่อกิโลกรัม รัฐบาลรับได้หรือไม่ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีไม่ตอบคำถามก่อนที่จะเดินออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิออกไป