รายงานการเมือง
“วันชัย สุทธิวรชัย” ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ไม่รู้ว่าจะบินไปราชการที่ประเทศอินโดนีเซียแบบปลอดโปร่งโล่งใจหรือไม่ ซึ่งตามข่าวบอกว่าหลายวันในรอบสัปดาห์นี้มีภารกิจต้องเดินทางไปราชการที่อินโดนีเซีย
หลังจากที่เจ้าตัวโดนคำสั่งให้มาช่วยราชการที่กระทรวงมหาดไทย โดยได้รับความเห็นชอบจากจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย และวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
คำสั่งให้มา “ช่วยราชการ” ดังกล่าว ให้มีผลตั้งแต่วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคมนี้เป็นต้นไป แต่ตำแหน่ง ผวจ.อุบลราชธานียังเป็นของนายวันชัยอยู่ ระหว่างนี้ก็ย้ายออกจากพื้นที่มาก่อนประมาณสัก 7-10 วันตามที่กระทรวงมหาดไทยมีคำสั่งให้สอบสวนข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ก่อนหน้านี้มีการสั่งให้นายณฐพลษ์ วิเชียรเพริศ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงและนายณฐพลษ์ ได้ส่งรายงานการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นดังกล่าวที่มีการลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีส่งไปให้นายจารุพงศ์เมื่อ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา
แต่นายจารุพงศ์ รมว.มหาดไทยเห็นว่าจำเป็นต้องสอบสวนเพิ่มเติม ก็เลยให้ ประภาศ บุญยินดี รองปลัดกระทรวงมหาดไทยไปจัดตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง โดยมีกรรมการที่เกี่ยวข้อง เช่น จากฝ่ายกองการเจ้าหน้าที่ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศที่น่าจะมีความเชี่ยวชาญในเรื่องการตรวจสอบคลิปเสียงมาช่วยกันตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้กันต่อไป
กรณีคลิปฉาวเรียกรับเงินสินบนดังกล่าว “ผู้ว่าฯ วันชัย” ยอมรับคลิปเสียงที่มีการเผยแพร่กันในโลกออนไลน์เป็นเสียงตัวเองจริง แต่เป็นคลิปตัดต่อของคนบางกลุ่มที่ต้องการกลั่นแกล้ง มีการเข้าไปพูดคุยหลอกล่อให้พูดถ้อยคำบางคำแล้วก็เอาเสียงที่พูดไปผสมตัดต่อ
ต้องดูกันต่อไปว่าสุดท้ายเรื่องนี้จะจบอย่างไร ยังไงเสียก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับนายวันชัยไว้ก่อนด้วย เพราะข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้ อาจมีกลั่นแกล้งกันอย่างที่นายวันชัยบอก ที่พวกกลุ่มคนเสียประโยชน์จากการทำปฏิบัติหน้าที่ของนายวันชัย ก็เลยใช้วิธีการดังกล่าวหรือจะมีอะไรตื้นลึกหนาบางกว่านั้น มันก็ต้องตรวจสอบกันต่อไป
สำหรับการสอบสวนหากจะเอากันจริงๆ ก็ไม่ยากเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับว่าจะเอาจริงแค่ไหน จะลูบหน้าปะจมูกกันหรือไม่ เพราะเรื่องนี้การตรวจสอบต้องไปเรียกผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดของโครงการตามที่มีการระบุในคลิปเสียงคือโครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวผาแต้ม จังหวัดอุบลราชธานี นอกจากตัวนายวันชัยแล้วก็ต้องเอาข้าราชการประจำ-นักการเมืองท้องถิ่น-บริษัทเอกชนอะไรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบซักถามกันต่อไป
โดยเฉพาะคนที่ถูกระบุในคลิปเสียง อย่างคนที่ชื่อ “หน่อย” ซึ่งข่าวว่าเป็นนักธุรกิจในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ที่สำคัญการตรวจสอบเรื่องนี้เพื่อให้ความจริงปรากฏและเพื่อเป็นการให้ความเป็นธรรมกับตัวนายวันชัยด้วย ก็คือ การตรวจสอบคลิปเสียงดังกล่าวว่ามีการตัดต่อจริงหรือไม่?
ตรงนี้ดูแล้วแม้กระทรวงมหาดไทยจะมีเจ้าหน้าที่ที่อาจมีความรู้เชี่ยวชาญ แต่ถ้าจะให้ดีก็ต้องให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องโดยตรงจะดีกว่า เช่น ส่งไปให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. ที่มี พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ เป็นผู้บังคับการไปตรวจสอบเลย อันนี้น่าจะได้ผลเร็วและชัวร์สุด
จะได้ไม่กลายเป็นว่ามหาดไทยมาตรวจสอบกันเอง เดี๋ยวเกิดผลออกมาแล้วค้านสายตาคนดู มันจะเสียความน่าเชื่อถือ
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ที่หลายคนรอติดตามบทสรุปสุดท้าย ส่วนใหญ่รอผลจากกรรมการภายนอกตรวจสอบมากกว่า โดยเฉพาะจากฝ่ายสภาผู้แทนราษฏร เพราะตอนนี้ก็มีคณะกรรมาธิการสามัญ สภาผู้แทนราษฏร รับเอาเรื่องนี้เข้าไปพิจารณาแล้ว คือ คณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งก็ได้เริ่มเตรียมเรียกนายวันชัยและผู้เกี่ยวข้องทั้งในส่วนกลางคือกระทรวงมหาดไทยและคนในจังหวัดอุบลราชธานีมาชี้แจงตั้งแต่สัปดาห์นี้ 28 สิงหาคมเป็นต้นไป
การตรวจสอบของกรรมาธิการสภาฯ ถือว่ามีอำนาจและตรวจสอบได้กว้างกว่าของกระทรวงมหาดไทยมาก เพราะการตรวจสอบของมหาดไทยยังมีข้อจำกัดอยู่ในการเรียกบุคคลมาให้ข้อมูล ขณะที่ของสภาฯ สามารถเรียกบุคคลมาชี้แจงได้หลากหลายโดยเฉพาะข้าราชการที่หากไม่มาชี้แจงโดยไม่มีเหตุผลเพียงพอก็จะโดนเอาผิดได้
ทว่าก็อย่างที่รู้กัน การตรวจสอบอะไรของกมธ.เป็นเรื่องเชิงการเมืองเสียส่วนใหญ่แถมมักเล่นตามกระแส เรื่องนี้สื่อสนใจก็เข้าไปรับทุกเรื่องไว้พิจารณาพอกระแสเริ่มซา กมธ.ก็ไม่สนอะไรแล้ว ปล่อยเรื่องเลยตามเลย
จึงต่างจากของกระทรวงมหาดไทยที่เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของนายวันชัย การตรวจสอบของกระทรวงจึงมีผลโดยตรงและทันทีต่อการ “ให้คุณให้โทษ” กับตัววันชัย คือหากสอบแล้วพบว่าไม่ผิดไม่มีอะไรติดใจเรื่องนี้ไม่มีมูลก็จบ
แต่หากตรงกันข้าม ตัวนายวันชัยก็ต้องลุ้นแจงเหนื่อยเพราะตัวเองก็ยังเหลืออายุราชการอีกร่วม 3 ปี ชีวิตราชการยังพอมีลู่ให้ขยับขยายได้อยู่ แต่หากมาเจอเรื่องนี้เข้าคงพูดไม่ออก
สำหรับประวัติของวันชัย ผู้ว่าฯ ที่โดนคลิปเสียงพ่นพิษ ก็น่าสนใจไม่น้อย คือ เป็นพวกสิงห์ขาว รัฐศาสตร์ ม.เชียงใหม่ ที่ระยะหลังเริ่มแผ่บารมีมากขึ้นเรื่อยๆ ในกระทรวงมหาดไทย จากเดิมที่มีแต่สิงห์ดำ-สิงห์แดง โดยประวัติรับราชการพบว่าเติบโตมาจากกรมโยธิการตลอดตั้งแต่สอบบรรจุเป็นข้าราช ซี 3 ฝ่ายการเจ้าหน้าที่ สำนักงานเลขานุการกรมโยธาธิการ แล้วก็เติบโตเรื่อยมาจนได้มาเป็นผู้อำนวยการกอง (เจ้าหน้าที่บริหารงานพัสดุ 8) กองการพัสดุ สำนักงานเลขานุการกรมโยธาธิการ จนช่วงปี 46 ขยับขึ้นเป็นซี 9 ตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านนโยบายและแผน (เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน 9 ชช) กรมโยธาธิการและผังเมือง
จากนั้นนายวันชัยเริ่มเข้าสู่ไลน์นักปกครองครั้งแรกในปี 48 คือไปเป็นรอง ผวจ.ลำปาง จนถึงปี 50 แล้วก็ไปเป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน-รอง ผวจ.นครนายก ช่วงปี 51-52 ก่อนจะขึ้นเป็น ผวจ.ครั้งแรกในชีวิตในปี 2552 คือ เป็น ผวจ.ชัยภูมิ ในยุคพรรคภูมิใจไทยเข้ามาคุมกระทรวงมหาดไทย ช่วงปี 2553 ถูกย้ายเข้ากรุเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เพราะอาจถูกมองว่าอยู่สายเพื่อไทย จนกระทั่งหลังเพื่อไทยชนะเลือกตั้งเลยได้ออกจากกรุเมื่อตุลาคมปีที่แล้ว ได้ไปเป็น ผวจ.อุบลราชธานี
แม้ที่ผ่านมาจะปรากฏมีข่าวปัญหาความขัดแย้งในการทำงานระหว่างนายวันชัยกับนักการเมืองท้องถิ่น รวมถึงประชาชนบางส่วนในจังหวัดอุบลราชธานี จนทำให้มีนักการเมืองบางกลุ่มในเพื่อไทยนำไปอ้างเหตุต่อผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อให้ย้ายนายวันชัย แต่ด้วยความที่เจ้าตัวได้รับแรงหนุนจาก ส.ส.อุบลราชธานี เพื่อไทยหลายคน โดยเฉพาะสายนายเกรียง กัลป์ตินันท์ แกนนำเพื่อไทยสายอุบลราชธานี และกลุ่มนายสุพล ฟองงาม อดีต รมช.มหาดไทย และส.ส.อุบลราชธานี เก้าอี้เลยแน่นแม้จะมีคนจ้องเลื่อยตลอด
ความสนิทกับนักการเมืองในพื้นที่ดังกล่าวของ ผวจ.อุบลราชธานี เห็นได้จากช่วงอาทิตย์ที่แล้วมีคนนำภาพที่นายเกรียงและนายวันชัยถ่ายรูปคู่กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ประเทศจีนมาเผยแพร่ซ้ำอีกครั้ง หลังก่อนหน้านี้ภาพดังกล่าวก็เคยมีการเผยแพร่ไปแล้วเมื่อหลายเดือนก่อน โดยเจ้าตัวอ้างว่าไม่ได้เดินทางไปพบแค่ไปเจอโดยบังเอิญเลยขอถ่ายรูปด้วยแต่ไม่ได้คุยกันอะไร
เลยไม่รู้ว่าที่ต้องย้ายนายวันชัยมาช่วยราชการชั่วคราวไม่กี่วันที่กระทรวงมหาดไทย เพื่อแค่ต้องการลดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้นจากหลายทางหรือไม่