ผบ.ทร.เป็นประธานพิธีรับมอบเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา ชี้ความภูมิใจของทัพเรือที่ต่อเองด้วยกำลังพล เผยบอกนายกฯ แล้วขอ ฮ.กับปืนประจำเรือเพิ่ม รอ รมว.กห.นัดถกโผทหาร ใกล้ตกผลึกแล้ว ไม่วางสเปกผู้บัญชาการคนใหม่ เชื่อไม่มีปัญหาเพราะไม่มีใครยุ่ง ระบุการบริหารสำคัญ
วันนี้ (26 ส.ค.) ที่ท่าเรือแหลมเทียน ฐานทัพเรือสัตหีบ เมื่อเวลา 11.00 น. พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) กล่าวภายหลังเป็นประธานพิธีรับมอบเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา (เรือหลวงกระบี่)ว่า เรือดังกล่าวถือเป็นความภาคภูมิใจของกองทัพเรือที่ดำเนินการต่อเรือด้วยกำลังพลของกองทัพเรือ โดยใช้อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช เป็นสถานที่ในการต่อร่วมกับ บริษัทอู่กรุงเทพ จำกัด ทั้งนี้เรือตรวจการณ์ไกลฝั่งลำนี้มีขนาดใหญ่ที่สุด ระวางขับน้ำประมาณ 2,000 ตัน ในอนาคตกองทัพเรือมีแผนโครงสร้างยุทธศาสตร์ในช่วง 5 ปี ตั้งแต่ปี 55-60 ไว้แล้ว ซึ่งได้กำหนดไว้ว่าต้องมีเรือประเภทดังกล่าวประจำการ 6 ลำ โดยขณะนี้เข้าประจำการแล้ว 3 ลำ ซึ่ง 5 ปีที่ผ่านมาเป็นห้วงของการปรับปรุงและซ่อมแซมให้สามารถใช้ในราชการได้ และ 5 ปีต่อจากนี้จะเป็นการจัดซื้อใหม่ หรือทำการต่อขึ้นเองภายในประเทศ รวมทั้งเรือฟริเกตสมรรถนะสูงที่ดำเนินการซื้อจากประเทศเกาหลีใต้ก็อยู่ในแผนเช่นกัน โดยโครงการนี้มีการแลกเปลี่ยนด้านเทคโนโลยีซึ่งกองทัพเรือไทยได้ส่งผู้ชำนาญการจากภาคเอกชนเข้าร่วมด้วย เพื่อไปศึกษาและพัฒนา จะได้นำมาเพื่อใช้ในการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในการดำเนินการต่อเรือ หรือถ่ายทอดเทคโนโลยีมาใช้เองได้ ส่วนความต้องการในการจัดหายุทโธปกรณ์ประเภทปืนประจำเรือ และเฮลิคอปเตอร์นั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้รับทราบแล้วหลังจากตรวจเยี่ยมกองทัพเรือเมื่อวันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา
ผู้บัญชาการทหารเรือกล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดทำบัญชีรายชื่อโยกย้ายนายทหารประจำปีในส่วนของกองทัพเรือว่า ขณะนี้กำลังรอนายกรัฐมนตรี สั่งการ เพื่อนัดประชุมคณะกรรมการปรับย้าย ซึ่งคิดว่าขณะนี้ใกล้ตกผลึกแล้ว ส่วนการส่งคนของกองทัพเรือไปอยู่ในสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมและกองบัญชาการกองทัพไทยนั้น ในส่วนของเหล่าทัพเบื้องต้นได้หารือเรียบร้อยแล้ว ส่วนใหญ่พวกเราจะทราบเพราะอยู่และเรียนด้วยกันมา ไม่ใช่ปัญหา ส่วนผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งผบ.ทร.คนใหม่นั้น ตนไม่ได้เป็นคนวางสเปกว่าต้องมีคุณสมบัติอย่างไร เพราะมีหลักเกณฑ์ที่กำหนดและระบุไว้อยู่แล้ว คือ ต้องมีความรู้ความสามารถ รวมแล้วหลายอย่างจำนวนทั้งหมด 8 ข้อ ซึ่งจะเป็นแนวทางในการพิจารณา โดยผู้ที่จะมาเป็น ผบ.ทร.ต้องเป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบต่อกองทัพ ผู้ใต้บังคับบัญชา สนองตอบภารกิจของรัฐบาล และภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากกองทัพ ทั้งการปกป้องอธิปไตย และการรักษาผลประโยชน์ของชาติ
เมื่อถามว่า เกรงหรือไม่ว่าชื่อคนที่เสนอไปจะถูกเปลี่ยนจากทางการเมือง และถ้ามีการเปลี่ยนจะต้องมีการพูดคุยกันก่อนหรือไม่ พล.ร.อ.สุรศักดิ์กล่าวว่า “ไม่มีปัญหาครับ ผมว่าไม่มีปัญหาหรอกครับ เพราะว่าไม่มีใครมายุ่ง หรือมีใครถามอะไรที่ทำให้เราลำบากใจ มั่นใจได้ครับว่าไม่มี”
เมื่อถามย้ำว่า แต่มีความพยายามวิ่งเต้นชิงตำแหน่ง ผบ.ทร. พล.ร.อ.สุรศักดิ์กล่าวว่า “บางทีต้องทำอะไรให้ดูดี การอยู่ในตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่ผู้ใต้บังคับบัญชา จะต้องบริหารได้ เป็นสิ่งที่สำคัญ คงไม่ต้องพูดอะไรมาก”