กสม.ชี้ผลสอบเผาเมืองไม่เอกฉันท์เป็นเรื่องปกติ - ปัดให้การ ตร.คดีฆ่า “เอกยุทธ”

กรรมการสิทธิฯ เผยผลสรุปเผาเมือง 53 ไม่เป็นเอกฉันท์เรื่องปกติ ยกตุลาการก็มี ชี้เป็นสิทธิเสียงข้างน้อยเผยคำโต้แย้ง แต่ยันไม่แก้ไขมติเดิม - ระบุส่งผลการสอบคดีฆ่า “เอกยุทธ” ให้ตำรวจแล้ว แต่เมินให้ปากคำ ยันเป็นข้อสรุปตามกฎหมาย

วันนี้ (19 ส.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวกรณีเสียงของกรรมการสิทธิฯ ไม่เป็นเอกฉันท์ในการเผยแพร่ผลสรุปรายงานเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อวันที่ 12 มี.ค. - 19 พ.ค. 2553 ว่า การประชุม มีเสียงข้างมาก เสียงข้างน้อย ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะในการวินิจฉัยคดีต่างๆเป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะมีความเห็นเหมือนกัน เช่นเดียวกับการวินิจฉัยคดีของตุลาการที่มีเสียงข้างมากเสียงข้างน้อย แต่ตามกฎหมายและกระบวนการของกรรมการสิทธิฯ นั้น ไม่ได้ระบุให้มีการเปิดเผยคำโต้แย้งของฝ่ายเสียงข้างน้อยเหมือนกับการวินิจฉัยคดีของตุลาการ

นพ.นิรันดร์กล่าวว่า ซึ่งในกรณีรายงานผลการตรวจสอบการชุมนุมของกลุ่ม นปช. มติที่ออกมาไม่เอกฉันท์จริง โดย พล.ต.อ.วันชัย ศรีนวลนัด และนายปริญญา ศิริสารการ คือผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับรายงานดังกล่าวและคำโต้แย้งก็มีบันทึกไว้ในรายงานการประชุมของกรรมการสิทธิฯ ไม่ได้มีการปิดบังตามข้อกล่าวหาแต่อย่างใด หากพล.ต.อ.วันชัย และนายปริญญา จะเผยแพร่คำโต้แย้งสู่สาธารณะก็เป็นสิทธิที่สามารถทำได้ กรรมการสิทธิฯไม่ได้ปิดกัั้นการแสดงความคิดเห็น อย่างไรก็ตาม ตามมติของกรรมการสิทธิฯ การนำเสนอรายงานผลสรุป เนื้อหาต้องเป็นหนึ่งเดียวสอดคล้องกัน ส่วนที่เมื่อเผยแพร่ออกไปแล้วรายงานถูกโจมตีนั้น กรรมการสิทธิฯ ก็รับฟังอยู่ตลอด แต่รายงานเสร็จสมบูรณ์และได้ส่งให้รัฐบาลพิจารณาแล้ว คงไปแก้ไขอะไรไม่ได้

ประธานอนุกรรมการด้านสิทธิการเมืองและสิทธิพลเมือง ยังกล่าวด้วยว่า ทางกรรมการสิทธิฯได้ส่งรายงานผลการตรวจสอบกรณีการเสียชีวิตของนายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ไปให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเรียบร้อยแล้ว แต่กรรมการสิทธิคงไม่ไปให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตามที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรียกร้อง เพราะรายงานฉบับนี้เป็นการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามคำร้องที่ได้ยื่นมาที่กรรมการสิทธิ เมื่อตรวจสอบและได้ผลสรุปก็ทำงานเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้นำข้อมูลไปประกอบการพิจารณาต่อไป ซึ่งทั้งหมดเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายของกรรมการสิทธิฯที่กำหนดไว้ให้เป็นหน้าที่ ไม่ได้มีอะไรเกินเลยแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กรรมการสิทธิฯยังไม่ได้รับการตอบรับใดๆจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติหลังจากที่เสนอรายงานดังกล่าวไปแล้ว