ส.ส.แกนนำแดงขอแปรญัตติร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ขยายเวลายกโทษตั้งแต่ 1 ม.ค. 48 ถึงวัน พ.ร.บ.ประกาศใช้ ยันไม่นิรโทษกรรมแกนนำทุกสี ส่วนที่ไม่ระบุให้ชัดเพราะขัดหลักกฎหมาย ซัด ปชป.ขี้ขลาดให้ประชาชนมาส่งที่รัฐสภา
นพ.เหวง โตจิราการ พร้อมด้วย นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ และนายชินวัฒน์ หาบุญพาด ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวถึงการดำเนินการร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทยว่า ตนและคณะส.ส.ได้ยื่นคำแปรญัตติในมาตรา 3 ของ พ.ร.บ.ดังกล่าวโดยมีการขยายเวลาจากข้อความเดิมที่ระบุว่าให้ความผิดที่เกิดขึ้นตั้งแต่ 19 ก.ย. 2549 ถึง 10 พ.ค. 2554 ได้รับการนิรโทษกรรมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2548 ไปจนถึงวันที่พระราชบัญญัติฉบับนี้ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา เนื่องจากว่าเพื่อป้องกันการครหาของฝ่ายต่างๆ ว่าจะเป็นการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่ว่าเหตุการณ์ก่อนหน้ารัฐประหารเกิดขึ้นจากแรงจูงใจทางการเมือง เช่นเหตุการณ์กรณีทางการเมือง เช่น เหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เหตุการณ์ของภาคประชาชนที่สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ยึดบริเวณสวนจตุจักรเป็นที่ชุมนุม เมื่อเดือนมีนาคม 2549 และเหตุการณ์อื่นๆ ก่อนการรัฐประหาร
ดังนั้น ตนยืนยันว่า พ.ร.บ.ดังกล่าวทุกกลุ่มทุกสีเสื้อจะได้รับอานิสงส์และจะไม่มีการนิรโทษกรรมแกนนำไม่ว่าจะเป็นใคร โดยเฉพาะพวกตนถือว่าถูกดำเนินคดีในชั้นศาลแล้ว ส่วนที่มีข้อเสนอว่าทำไมไม่มีการระบุให้ชัดเจนว่าใครเป็นแกนนำในกฎหมายดังกล่าวนั้น ตนเห็นว่าถ้าระบุลงไปชัดเจนแล้วถือเป็นการขัดหลักกฎหมายที่ต้องบังคับใช้กฎหมายกับประชาชนทั่วไป แต่พวกตนก็จะตีความกฎหมายให้ชัดเจนขึ้นว่าใครเป็นแกนนำ
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่พรรคประชาธิปัตย์และกลุ่มภาคประชาชนที่เคลื่อนไหวคัดค้านกฎหมายฉบับดังกล่าวจะได้รับอานิสงส์หรือไม่ นพ.เหวงระบุว่า ตราบใดที่ยังไม่มีการประกาศกฎหมายฉบับนี้ทุกคนก็ได้รับอานิสงค์ทั้งหมด ซึ่งตนเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ทำตัวเหมือนนกรู้ โดยขอให้ประชาชนพามาส่งที่รัฐสภานั้น เป็นการกระทำที่ไม่กล้าหาญ ขี้ขลาดทางการเมือง และไม่รับผิดชอบต่อประชาชน