“สามารถ” ติงฝ่ายค้านอย่าตีตนไปก่อนไข้ ยันไม่สอดไส้ กม.นิรโทษฯ

“สามารถ” เขินรับตำแหน่งประธาน กมธ.ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม บอกยังไม่ได้พูดคุยกัน รอประชุมนัดแรก 15 ส.ค. ยันไม่สอดไส้นำ กม.อื่นมาร่วมพิจารณาใน กมธ. ติงฝ่ายค้านอย่าตีตนไปก่อนไข้ ระบุ “มาร์ค-แก้วสรร” ร่วม กมธ.จะได้รู้แนวคิดอีกฝ่าย

นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย และหนึ่งในคณะกรรมาธิการวิสามัญแปรญัตติร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม กล่าวถึงข่าวตัวเองจะได้เป็นประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมว่ายังไม่มีการพูดคุยกันถึงเรื่องดังกล่าว ต้องรอการประชุมนัดแรก ในวันพฤหัสบดี ที่ 15 ส.ค. 2556 ก่อน ซึ่งถือเป็นการครบรอบ 7 วัน ในการแปรญัตติด้วย แต่ยอมรับว่าได้ยินข่าวเรื่องดังกล่าวมาเหมือนกัน

นายสามารถกล่าวว่า การที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายแก้วสรร อติโพธิ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เข้ามาเป็นกรรมาธิการ ถือเป็นเรื่องดีเพราะฝ่ายที่คัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมจะได้ทราบแนวคิดของอีกฝ่าย

อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าคณะกรรมาธิการฯไม่มีการสอดไส้นำกฎหมายอื่นเข้ามาในชั้นกรรมาธิการฯ แน่นอน เพราะเป็นเรื่องที่ทำยาก จึงอยากแนะนำฝ่ายค้านว่าอย่ากังวลในเรื่องนี้ และขอให้กลับไปดูที่ข้อกฎหมาย และหลักเกณฑ์ก่อน

นายสามารถกล่าวว่า การที่ฝ่ายค้านให้นายกรัฐมนตรีลงนามร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวก่อนนั้น ต้องอยู่ที่การตัดสินใจของประธานรัฐสภา และการที่จะสรุปว่าร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวเป็นกฎหมายการเงินหรือไม่ ต้องอยู่ที่ประธานรัฐสภาเช่นกัน นอกจากนี้ ยังยืนยันว่าขบวนการดังกล่าว มีการถ่วงดุลที่ชัดเจน จึงขอฝ่ายค้านอย่ารีบตีตนไปก่อนไข้

ก่อนหน้านี้ นายแก้วสรร อติโพธิ กล่าวถึงการมีชื่อเป็ฯคณะกรรมาธิการฯ ในสัดส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โทรศัพท์มาทาบทามขอให้ไปช่วยเหลือ เพราะคงเห็นว่าตนเองเข้าใจข้อแตกต่างกฎหมาย และสามารถอธิบายให้สภาฟังได้

นายแก้วสรรกล่าวว่า ร่างนิรโทษกรรมไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องกฎหมาย ส่วนตัวเห็นด้วยกับหลักคิดของพรรคประชาธิปัตย์ และกลุ่มผู้เสียหาย โดยตนจะแปรญัตติในชั้นกรรมาธิการส่วนของแกนนำและการวางเพลิง เพราะไม่ใช่ความผิดทางความคิด แต่เป็นคดีทางอาชญากรรม จึงไม่ควรนิรโทษกรรมทั้งสิ้น กังวล หากรัฐบาลมีการสอดไส้เนื้อหาอื่นเข้ามาในชั้นกรรมาธิการ เพราะต้องเจอตนในสภาอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในสถานการณ์ขณะนี้ ขั้นตอนในกรรมาธิการคงมีโอกาสใช้เหตุใช้ผลได้น้อย เพราะพวกเสียงข้างมากคงลากไป ไฮไลต์น่าจะอยู่ที่การลงคะแนนในวาระที่ 3 มากกว่า