ประธานวิปรัฐบาลยันให้สมาชิกจ้อนิรโทษฯ เต็มที่ พร้อมตักเตือน “จ่าประสิทธิ์” ชูรองเท้าทาบหน้าตัวเอง เตือนฝ่ายค้านอย่าตีรวนเหมือนเมื่อวาน ขอดูสถานการณ์ก่อนผ่านวาระแรกหรือไม่ อ้าง “นช.แม้ว” เหยื่อการเมืองไม่ติดใจต้องโดนพาดพิง ด้าน “วรชัย” เชื่อไม่เกิน 2 ทุ่มเสร็จ ย้ำไม่ได้อานิสงส์ คาดสำเร็จใน 2 เดือน ช่วยสาวกได้ ไม่ห่วงขึ้นศาล รธน.
วันนี้ (8 ส.ค.) ที่รัฐสภา นายอำนวย คลังผา ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือวิปรัฐบาล กล่าวว่า วันนี้จะพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ฉบับของนายวรชัย เหมมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ต่อโดยจะเปิดโอกาสให้ ส.ส.ได้อภิปรายอย่างเต็มที่ ซึ่งได้กำชับ ส.ส.รัฐบาลให้อภิปรายอย่างสร้างสรรค์ ใช้หลักการและเหตุผลให้ประชาชนได้เข้าใจถึงการออกกฎหมายนิรโทษกรรม รวมถึงได้มีการตักเตือน จ.ส.อ.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย แสดงกิริยาในสภาให้เหมาะสมไปแล้ว ส่วน ส.ส.ฝ่ายค้านขอให้อภิปรายในกรอบ หากจะลงรายละเอียดให้อภิปรายในชั้นกรรมาธิการ ไม่ใช้วิธีการตีรวนเช่นเมื่อวานที่ผ่านมา ใช้เวลากว่า 5 ชั่วโมง จึงจะสามารถเข้าสู่การอภิปรายได้ ทั้งนี้ ไม่ขอฟันธงว่าการพิจารณาจะเสร็จสิ้น หรือผ่านวาระแรกในวันนี้ ขอติดตามดูสถาณการณ์เฉพาะหน้าก่อน ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่ได้กำหนดกรอบเวลาการอภิปรายชัดเจน และส่วนตัวมีความเป็นห่วงช่วงที่มี ส.ส.แกนนำหลักสำคัญ ลุกขึ้นอภิปราย จะมีการประท้วงยืดเยื้อ ซึ่งหากมีการพาดพิงถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้น ฝ่ายรัฐบาลจะไม่ติดใจอะไร เพราะถือว่าเป็นเหยื่อทางการเมือง ดั้งนั้น ผู้ที่พาดพิงต้องอภิปรายในเนื้อหาสาระมากกว่า
ด้านนายวรชัยกล่าวว่า การประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมจะสามารถลงมติในวาระที่ 1 ได้ไม่เกิน 18.00 น.วันนี้ แต่หากมีการยืดเยื้อคาดว่าจะไม่เกิน 20.00 น.วันนี้ ส่วนในกรณีที่ประธานวิปฝ่ายค้าน มองว่าการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ถือเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับตนเองและแกนนำคนอื่นๆนั้น ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการนิรโทษกรรมให้กับพวกตน แต่เป็นการนิรโทษกรรมให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และพร้อมยินดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ดังนั้นจะเดินหน้าพิจารณาต่อให้แล้วเสร็จ
นายวรชัยกล่าวต่อว่า ตนมั่นใจว่ามีเสียงในสภาเพียงพอที่จะลงมติรับหลักการในวาระที่ 1 พร้อมเชื่อว่ากระบวนการทั้งหมดจะเสร็จสิ้นภายใน 2 เดือน และจะสามารถช่วยเหลือประชาชนที่ถูกคุมขังออกมาได้ อย่างไรก็ตาม ตนไม่ห่วงหากพรรคประชาธิปัตย์จะยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความ พ.ร.บ.ดังกล่าว
