"สนธิ" เผยพันธมิตรฯไม่ชุมนุมต้านพ.ร.บ.นิรโทษฯเข้าสภา เหตุติดเงื่อนไขการประกันตัวจากคดีเก่าที่ ปชป.ยัดให้ ขอทำหน้าที่ให้ปัญญาประชาชนดีกว่า ย้ำถ้าจะสู้ต้องพลิกระบอบการเมืองไม่ใช่แค่เปลี่ยนขั้ว ท้าประชาธิปัตย์ลาออกจากส.ส.มานำขบวนเอง อย่าเก่งแต่ปาก พร้อมชี้ดูหน้า "ทักษิณ" จากคลิปวันเกิดเหมือนคนตายแล้ว เชื่อถึงคราวต้องรับกรรม พวกขี้ข้าก็จะฉิบหายกันหมด
วันที่ 26 ก.ค. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ทางเอเอสทีวี ถึงกรณีที่พันธมิตรฯเคยประกาศว่าถ้าเอาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เข้าสภาเมื่อไหร่ พันธมิตรฯ จะเคลื่อนไหว ว่า เป็นเรื่องตลกร้าย ตรงที่ว่าพรรคประชาธิปัตย์เอาเชือกมาแขวนคอเราไว้ เรื่องคดีสนามบิน ทำเนียบฯ และรัฐสภา เพื่อที่จะไม่ให้พันธมิตรฯเคลื่อนไหวทางมวลชน เพราะหวังว่ามันจะเป็นรัฐบาลต่อไป แต่พอประชาธิปัตย์พ้นจากการเป็นรัฐบาลปรากฏว่ากลายเป็นพรรคเพื่อไทยต้องการจะเอาเชือกออกจากคอเรา ให้เราหลุดเพื่อที่มันจะได้หลุดด้วย ประชาธิปัตย์มันก็มามองว่าต้องเอาพันธมิตรฯออก จะได้มาสู้แล้วมันจะได้แอบอยู่ข้างหลัง เพื่อร่วมสู้ด้วย
ในความรู้สึกส่วนตัว พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จะเข้าสภาฯ จะวันไหนก็ตาม ช่างหัวมัน ประเด็นสำคัญที่เรายืนอยู่ 2 ประเด็น ที่ไม่เห็นด้วย คือ ให้คนทำผิดมาตรา 112 พ้นโทษ และการแปรญัตติเพื่อให้ทักษิณไม่ผิด แต่ถ้าเราไม่เห็นด้วยจะทำอย่างไร ก็ประชาธิปัตย์ไม่ใช่หรือที่เป็นคนเอาเชือกมาแขวนคอเราไว้ อธิบดีศาลอาญาได้พูดชัดเจน ตอนนี้เรียกไต่สวน นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ กรณีที่ไปชุมนุมหน้ากระทรวงกลาโหม เป็นการไต่สวนโดยไม่มีคนร้อง
ในกรณีนี้เช่นกัน ถ้าตน หรือแกนนำพันธมิตรฯคนอื่นๆ ออกชุมนุม ศาลอาญาในยุคอธิบดีคนนี้ก็มีสิทธิที่จะเรียกพวกตนไปไต่สวนทันที แล้วถ้าเขาเห็นว่าผิดเงื่อนไขการประกัน ก็จะถอนประกัน แล้วคดีนี้ต้องสู้กัน 10 ปี แสดงว่าพวกตนต้องสู้คดีในคุก 10 ปีใช่ไหม
ถ้าจะยกให้คนที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพหลุดโทษไป มันเป็นหน้าที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ที่ต้องพิสูจน์ให้สังคมไทยเห็นว่าระหว่างสถาบันกษัตริย์ กับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คนไหนสำคัญกว่า พล.อ.ประยุทธ์ ต้องแสดงจุดยืนให้ชัดเจน ซึ่งถ้าตนไม่ติดเงื่อนไขการประกันตัวตนก็ออก แต่เนื่องจากถูกเชือกแขวนคอไว้อย่างนี้ ส่วนกรณีที่จะช่วยทักษิณให้พ้นผิด ก็เป็นประเด็นที่พรรคประชาธิปัตย์พูดตลอดเวลาไม่ใช่หรือว่าทุกอย่างต้องจบที่สภาฯ ถ้าอย่างนั้นประชาธิปัตย์ต้องออกมานำ นายชวน หลีกภัย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ต้องถอดเสื้อนอก ลาออกจาก ส.ส. มาเดินขบวน พูดกันแต่ว่าจะร่วมออกมาต่อสู้กับพี่น้อง ไม่ต้องร่วม แต่ต้องนำเลย อย่าเก่งแต่ปาก แล้วคุณก็มีมวลชนของคุณอยู่แล้วด้วย จะมาโวยวายทำไม ตนไม่เอาด้วยหรอก
นายสนธิ กล่าวต่อว่า การออกไปโค่นระบอบทักษิณ โค่นเสร็จแล้วอย่างไร ก็มีอยู่ 2 ทาง ก็คือสลับขั้ว ให้ทหารไปจัดรัฐบาลใหม่ในค่ายทหาร ซึ่งอันนี้พรรคประชาธิปัตย์อาจจะผิดหวัง เพราะตนไม่เชื่อว่าจะโค่นระบอบทักษิณได้ อีกทิศทางคือ เสนาธิการร่วมที่กำลังตั้งอยู่ ก็ยังคงเชื่อแบบโง่ๆเหมือนเดิมว่าถ้าประชาชนออกมาเยอะๆแล้วมีทหารอยู่ในมือพร้อมจะออกมาช่วย ตนยืนยันเดี๋ยวนี้เลยว่ามันเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นแล้วมันเรื่องอะไรที่เราจะวิ่งเอาหัวชนกำแพง แล้วมองในมุมกลับถ้าสลับขั้ว พรรคประชาธิปัตย์ขึ้นเป็นรัฐบาล อีก 2 ปี เราก็คงต้องมาประท้วงพรรคประชาธิปัตย์เช่นกัน เพราะว่าพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทย มันเป็นสัตว์ในคอกเดียวกัน เป็นสัตว์การเมืองที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว ถ้าต้องสู้เพื่อการเมืองตนไม่ได้สู้เพื่อให้พรรคไหนขึ้นมาเป็นรัฐบาล แต่ต้องทำเพื่อไม่เอาระบบการเมืองแบบนี้
ที่จะไปประท้วงเรื่องนิรโทษฯ เข้าสภาฯ ติดคุกฟรี เพราะมันจะจบลงด้วยการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งไม่เพื่อไทยกลับมา หรือไม่ก็ประชาธิปัตย์ก็กลับมา แล้วมันต่างอะไรกัน ในเมื่อมันเป็นทายาทอสูรด้วยกันทั้งคู่
นายสนธิ กล่าวว่า พวกพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีวันได้ผุดได้เกิดอีกต่อไปแล้ว เพราะไม่มีความจริงใจต่อประชาชน ถ้ามันจะชนะทางการเมืองเด็ดขาดมันต้องจริงใจกับประชาชน ประการแรกสุดต้องลุกขึ้นมาแล้วประกาศเลยว่าการเมืองแบบนี้มันก็ไม่เล่น ยอมรับว่าตัวเองคือส่วนหนึ่งของปัญหาในระบบการเมืองปัจจุบัน เพราะฉะนั้นแล้วขอไถ่โทษด้วยการลาออกจาก ส.ส.หมดทุกคน มาเล่นการเมืองภาคประชาชนไปเลย ถ้าอย่างนั้นแล้วตนไม่ตะขิดตะขวงใจ เชื่อในความบริสุทธิ์ใจว่าคุณต้องการเปลี่ยนแปลงจริงๆ แต่ทุกวันนี้แอบแฝงหมด ที่บอกว่าจะลงมาสู้กับประชาชนเพราะรู้ว่าคุณแพ้ในสภาแล้วใช่ไหม ขนาดแพ้ในสภายังบอกว่าจะขอร่วมกับประชาชน ทำไมไม่บอกว่าจะนำประชาชน แน่จริงนำเลยสิ แล้ววันนี้หน้ากากขาวเริ่มกระแสตกแล้ว ก็เพราะว่าจุดเริ่มต้นมันบริสุทธิ์ แต่ถูกการเมืองพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาแทรก เลยพังหมดเลย
นายสนธิ กล่าวต่อถึงคลิปวันเกิด พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ทักษิณถึงคราวแล้ว หนีกรรมไม่ได้ ตนเชื่อคำพูดของหลวงตามหาบัว ที่ท่านบอกว่า ทักษิณแผ่นดินก็จะไม่มีอยู่ เงินมีเท่าไหร่ก็จะหมดไป แม้แต่ชีวิตก็จะรักษาไม่ได้ เพียงแต่ท่านไมได้บอกเวลาเท่านั้นเอง วันนี้ทักษิณมีน้องสาวเป็นรัฐบาล 2 ปีกว่าแล้ว แต่ยังกลับบ้านไม่ได้เลย แล้วทุกวันนี้ทักษิณพยายามสะเดาะเคราะห์ ต่ออายุ ซึ่งมันทำไม่ได้ เพราะไม่มีมนุษย์ผู้ใดหนีกรรมพ้น ทักษิณต้องมารับกรรมเก่าของตัวเอง วันนี้บุญเก่าทักษิณหมดแล้ว หน้าตาเหมือนคนตายแล้ว
"ผมเชื่อว่า พ้นวันเกิดเขาวันนี้แล้วกรรมจะเริ่มโหมกระหน่ำเข้ามาแล้ว คอยดูจะมีอะไรที่ประหลาดๆเกิดขึ้นกับทักษิณ ผมเชื่ออย่างมาก แล้วคนที่ร่วมหัวจมท้ายกับทักษิณ ข้าราชการที่ไปหาทักษิณ ตำรวจ ทหาร ข้าราชการ หลายคน รวมทั้ง ส.ส.ที่บินไปหาทักษิณ จะฉิบหายกันหมด" แกนนำพันธมิตรฯ กล่าว
นายสนธิ กล่าวอีกว่า ให้จับตาดูการแปรญัตติ มาตรา 112 อาจจะถูกตัดทิ้ง แต่แทรกการนิรโทษกรรมทักษิณเข้าไปด้วย แต่ทำอย่างนั้นก็ชัดแจ้งเกินไป อาจจะซวยสุดๆ ก็คือ ไม่กล้าทำ แล้วทักษิณก็ยังเป็นสัมภเวสีต่อไป
นายสนธิ ยังกล่าวถึงซีรีย์ฮอร์โมน ว่า คนทำทีวีกับบริษัทแกรมมี่ ทำทุกอย่างเพื่อหวังกำไร หวังเรตติ้ง ถึงทำให้มีเนื้อหาแรง ถ้าบอกว่าเป็นกระจกสะท้อนเงาของสังคม ถามกลับว่าถ้าไม่มีเรื่องนี้สังคมไทยทุกวันนี้ก็รู้ใช่ไหมว่ามันเละถึงขนาดไหนแล้ว ตามข่าวก็มีให้เห็นมากมาย ถ้าจะทำทั้งทีทำทำไมไม่เป็นทั้งกระจกสะท้อนเงาและเป็นตะเกียงด้วย เช่น ในสังคมของเด็กที่เละเทะทำไมไม่มีเด็กซึ่งมันดี หักห้ามใจได้ และหลุดพ้นจากความเละเทะไปได้ เพราะว่าพ่อแม่ให้ความอบอุ่น นั่นก็เพราะบทสะท้อนความดีมันจะไปลดเวลาของบทเละเทะ และทำเรตติ้งได้ไม่ดีเท่า
ส่วนกรณีน้องปันปัน อยากให้พ่อเชื่อตนให้ลูกออกจากวงการไปเลยเพื่อเห็นแก่อนาคตเด็ก นี่ถ้าเป็นลูกชาวบ้านทั่วๆไป ตำรวจจับไปแล้ว ร.ต.อ.เฉลิม ออกมาปกป้องว่าเป็นภาพตัดต่อ เฉลิมนี่เขาเรียกว่าจอมเสือกแห่งยุค เสือกทุกเรื่อง
คำต่อคำ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ศุกร์ที่ 26 ก.ค. 2556
รายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ออกอากาศทางเอเอสทีวี วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม 2556 เวลา 20.00-22.30 น. ดำเนินรายการโดย นายสนธิ ลิ้มทองกุล นางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ และ นางสาวกาญจนา ทัพจีน ร่วมดำเนินรายการ
จินดารัตน์ - สวัสดีค่ะ
กาญจนา - สวัสดีค่ะ ขอต้อนรับคุณผู้ชมทุกท่านเข้าสู่รายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ วันนี้ศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม 2556 อยู่กับพี่แอน- จินดารัตน์ จุ๊-กาญจนา ทัพจีน
จินดารัตน์ - และเจ้าของรายการ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล สวัสดีค่ะ สุขสันต์วันนกนะคะ
กาญจนา - Happy Bird Day
สนธิ - Happy Bird Day
จินดารัตน์ - คือกรณีแบบนี้ เขาบอกว่า วันนี้เป็นวันเกิดของบุคคลสำคัญ Happy Bird Day นายกฯ ในดวงใจ ก็เลยแปลเป็นไทยได้ว่า สุขสันต์วันนก นายกฯ ในดวงใจ
กาญจนา - บินไปบินมา แต่ไม่บินมาที่บ้าน
จินดารัตน์ - วันนี้ก็มีคลิปด้วยนะคะคุณสนธิ เดี๋ยวเราคงได้ดูคลิปนายกฯ ในดวงใจของพวกเขากัน
สนธิ - สักกี่นาที
จินดารัตน์ - ประมาณ 4-5 นาที
สนธิ - ก็ยังพอไหว ไม่งั้นผมจะอ้วก
จินดารัตน์ - เราวิพากษ์วิจารณ์กันว่า โอ๊ย ตายแล้ว ดูความฉลาดของพวกเขา ขึ้นป้าย Happy Bird Day แทนที่จะเป็นสุขสันต์วันเกิด กลายเป็นสุขสันต์วันนกซะ คนเขาเลยบอกว่า จริงๆ แล้วลองมองใน 2 มุมดูว่า เขาอาจจะฉลาดมากกว่าเราก็ได้นะ เพราะเขามองเห็นแล้วว่านายกฯ ในดวงใจเขาต้องบินไปบินมา
กาญจนา - ลึกล้ำมาก
จินดารัตน์ - ลึกซึ้ง เขาอาจจะหมายความว่าอย่างนั้นก็ได้นะ อ.ปานเทพ บอกนกขมิ้นเหลืองอ่อน
กาญจนา - คือบินไปทุกที่ แต่ว่าไม่มีที่จะอยู่ที่เป็นหลักเป็นแหล่ง แล้ววันนี้ก็มีคลิปอย่างที่พี่แอนบอกไปเมื่อสักครู่ ความยาวประมาณ 4-5 นาที พยายามที่จะเปิดใจ พยายามที่จะสร้างฉากดราม่าให้กลุ่มคนเสื้อแดงที่ยังคงหลงเชื่อยังคงหลงอยู่กับเขา แต่ว่าอีกด้านนึงสิ่งที่เขาเคยทำมาก่อนหน้านี้ เดี๋ยวจะเปรียบเทียบให้เห็นกัน
จินดารัตน์ - ร้องห่มร้องไห้ก็มีนะ น้ำตาเล็ดน้ำตาไหล อีกเรื่องนึงที่เราเห็นแล้ว เราควรจะน้ำตาเล็ดน้ำตาไหลเหมือนกัน เรื่องของพุทธศาสนา คุณสนธิ วันนี้มันไปไกลถึงขั้นใช้เล่ห์มายากลหลายรูปแบบเข้ามา เพราะว่ามีอำนาจรัฐ เดี๋ยวคุณสนธิจะเล่าให้ฟังด้วย
กาญจนา - ก็หลากหลายเรื่องนะคะ โดยเฉพาะเรื่องของประเด็นธรรมะอย่างที่พี่แอนบอกว่า รูปแบบพยายามจะเข้าถึงคนให้มากที่สุด ทั้งๆ ที่มันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
จินดารัตน์ - ดูเจ้าของรายการวันนี้ดูเหนื่อยๆ นะคะ เหนื่อยกับการเมือง หรือเหนื่อยกับอะไร
สนธิ - ผมเซ็ง วันนี้อาจจะเป็นการไม่ได้ตั้งใจนะครับ แต่วันนี้จะพูดจากใจเรื่องทั้งหมดเลย ความรู้สึกของผม สิ่งที่ผมพูดวันนี้อาจจะไม่ถูกใจคนอีกเยอะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพันธมิตรฯ บางส่วนอาจจะไม่พอใจที่พูด แต่ผมจะเรียนให้ทราบว่า ความที่ผมกล้าพูด ผมคิดอะไรผมพูดอย่างนั้น แล้วผมเป็นคนที่มองอะไรเลย ข้ามช็อตไปเยอะทำให้ผมเริ่มเห็นแล้วว่า บางครั้งผมต้องถึงเวลาแล้วที่ต้องแสดงจุดยืน ที่บางครั้งหลายคนบอกว่า พูดไปทำไมเดี๋ยวเสียมวลชน ผมบอกไม่แคร์แล้ว เสียก็เสีย ผมอยากจะมีครอบครัวพันธมิตรฯ หรือครอบครัวเอเอสทีวีที่เข้าใจหลักการของพวกเรา แล้วเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ถึงจำนวนไม่มากก็ไม่แคร์ ผมพอใจที่จะอยู่กันในลักษณะชนกลุ่มน้อยมากกว่าไปใช้หลักการตลาดแล้วก็พูดเอาใจคนนั้นคือ สิ่งที่ผมคิดในใจ ก็เลยทำให้ผมเซ็งๆอยู่หลายเรื่อง แล้วหัวข้อเรื่องแต่ละเรื่องที่ก่อนเข้ารายการทั้งแอนทั้งจุ๊ก็พูด เรื่องน้องปันปันบ้าง เรื่องโน้นนี่นั่นบ้าง รวมทั้งทักษิณ ชินวัตรด้วย มันก็ทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่าจริงๆ แล้วสิ่งที่จุ๊กับแอนกำลังจะพูดวันนี้ มันเป็นส่วนหนึ่งของระบบทั้งระบบ ที่ผมกำลังจะพูดวันนี้ และผมกำลังจะแสดงจุดยืนผมว่า ทำไมผมถึงไม่เอาระบบนี้เพราะอะไร และผมจะให้คำตอบในฐานะส่วนตัว ไม่ใช่ในฐานะแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า ผมรู้สึกอย่างไรกับกฎหมายนิรโทษกรรมครั้งนี้ และผมจะออกมาประท้วงออกมาต่อสู้ไหม ถ้าผมจะออกผมจะออกในประเด็นไหน ถ้าผมไม่ออกทำไมผมถึงไม่ออก
จินดารัตน์ - เอาเคลียร์กันไปเลยนะคะ
สนธิ - เอาให้เคลียร์ให้ชัดกันไปเลย
จินดารัตน์ - จะได้ไม่ต้องมานินทาลับหลังกันอีก
สนธิ - จะได้ไม่ต้องมานินทาหลับหลังกันอีกต่อไป ก็เลยดูเหมือนเหนื่อย
จินดารัตน์ - ก็พอมาเห็นหน้าคุณสนธิ คือคุณสนธิทำหน้าเหมือนกับว่า
สนธิ - เบื่อโลก
จินดารัตน์ - พูดไปเยอะแล้ว
สนธิ - พูดไปเยอะแล้ว และจริงๆ สิ่งที่ผมพูด ผมพูดมาหลายปีแล้ว พูดซ้ำพูดซาก พูดจนไม่อยากจะพูดอีกต่อไป พูดจนกระทั่ง ผมเคยเล่าให้แอนฟังไม่ใช่เหรอว่า สมัยผมเป็นนักข่าว ผมไปทำงาน ทำข่าวที่บ้าน ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ซอยสวนพลู อาจารย์คึกฤทธิ์ ท่านก็จะนั่งอยู่อย่างนี้ แล้วท่านก็จะมีคนล้อมตัวท่าน สมัยนั้นก็มีทวิช กลิ่นประทุม บุญเท่ง ทองสวัสดิ์ หลายๆ คน ก็พยายามที่จะโอ้อวดความรู้ตัวเอง ชี้โน้นชี้นี่ ผมก็สังเกตอาจารย์คึกฤทธิ์ ท่านนั่งแล้วท่านก็พยักหน้า อืมๆ ท่านไม่ตอบอะไร ท่านก็ชม เออ ความคิดที่ดี พอจบหมดเรียบร้อยแล้วพวกนั้นก็ลากลับ ผมก็จะลากลับ ท่านก็บอกให้รอเดี๋ยว ก็นั่งลง กินอะไรด้วยกันก่อน กินเป็นเพื่อนผมหน่อย ก็จะนั่งทาน ผมก็เลยถามอาจารย์คึกฤทธิ์ว่า อาจารย์ครับ ทำไมเวลาคนที่นั่งคุยกับอาจารย์ ถาม คุย ออกความเห็นอะไร อาจารย์ไม่โต้เถียง ไม่แย้งอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ท่านหัวเราะ ท่านบอกว่า สนธิวันหนึ่งถ้าคุณโตอายุมากเท่าผม แล้วคุณจะเข้าใจว่า ถึงจุดๆ หนึ่งใครอยากจะพูดอะไรให้มันพูดไป ผมไม่รู้จะไปเถียงอะไรกับมัน เพราะเถียงไปมันก็ไม่เข้าใจสิ่งที่ผมพูด เพราะมันเข้าใจเพียงนิ้วเดียว
จินดารัตน์ - คือสิ่งที่มันคิด
สนธิ - สิ่งที่มันคิดอยู่แค่นี้ แต่ผมไปประมาณกิโลนึงแล้ว ผมเลยคิดว่า สิ่งที่มันพูดเนี้ยะ สำหรับมันนี่ยิ่งใหญ่มาก ก็ปล่อยให้มันยิ่งใหญ่ให้มันภูมิใจกับสิ่งที่มันคิดไป ผมจะได้ไม่ต้องเก็บเอามารกในหัวใจ ผมเลยมองว่า จากวันนั้นถึงวันนี้ตั้งกี่สิบปีแล้ว ผมเลยเข้าใจสิ่งที่อาจารย์คึกฤทธิ์พูด หลายต่อหลายเรื่อง แอนจะสังเกตอย่างว่า คนเขาบอกว่าเดี๋ยวนี้คุณสนธิไม่ค่อยมีความรู้สึก เวลานั่งกินกาแฟตอนเช้าที่ห้องทำงาน กระฟัดกระเฟียดกันมั้ง อารมณ์เสียกันมั้ง โกรธกันมั้ง เรื่องโน้นนี่นั่น
กาญจนา - หงุดหงิดใจ
สนธิ - หงุดหงิดใจทุกอย่าง ปรากฏว่าผมนั่งเฉย เพราะผมรู้อยู่แล้วว่า มันต้องเป็นอย่างนี้ และผมจะไม่ยอมให้อารมณ์ผมขุ่มมัวไป เพราะไอ้เรื่อง โทษนะส้นตีนแบบนี้ ก็ผมรู้มันก็เป็นของมันอย่างนี้แหละ ผมเลยเฉยๆ คนเลยบอกว่า เดี๋ยวนี้ผมบรรลุแล้ว ผมจะเป็นอรหันต์แล้วหรือไง ไม่สนใจทั้งสิ้น ไม่ใช่ไม่สนใจ สนใจมานานแล้ว และรู้มานานแล้ว รู้ก่อนคนอื่น เห็นก่อนคนอื่น และก็ทำนายได้ถูกต้องก่อนคนอื่น แต่พอมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแล้ว เราก็รู้ว่ามันต้องเกิดอย่างนี้ เราขี้เกียจพูด คนอื่นก็จับเอาเรื่องตรงนี้ก็เกิดอารมณ์ เหมือนคลื่นที่กำลังบ้าคลั่ง ในขณะซึ่งเรือเราพ้นช่วงคลื่นนั้นไปตั้งนานแล้ว ขึ้นไปที่ฝั่งนานแล้วก็นั่งมอง คนก็ยังมัวแต่ตะเกียกตะกายสู้กับไอ้บ้าคลื่นนั้นอยู่ นั่นแหล่ะคือตัวผม
จินดารัตน์ - แต่วันนี้อย่างที่คุณสนธิบอกนะคะว่า ได้คุยกันก่อนเข้ารายการ เราเริ่มจากคุณสนธิ ถามความเห็นแอนกับจุ๊ว่า กรณีน้องปันปัน แอนคิดอย่างไร จุ๊คิดอย่างไร แต่พอได้ฟังสิ่งที่คุณสนธิคิด แอนอยากให้คุณสนธิได้แบ่งปันให้คุณผู้ชมทางบ้านบ้าง
สนธิ - จะพยายาม แต่ผมพูดไปหลายคนก็อาจหงุดหงิดผม แต่เอาเป็นว่าอย่างนี้แล้วกัน คุยทุกเรื่องกับสนธิในฐานะที่ผมเป็นเจ้าของเรื่อง ท่านผู้ชมคนไหนหงุดหงิดไม่พอใจก็ไม่ต้องดู ผมก็ไม่อยากให้ดู ไม่ว่ากัน ไปไหนไปเลย ผมอยากให้คนที่ดูผม แล้วเข้าใจ แล้วเรียนรู้จากบางสิ่งบางอย่างที่ผมพูดไป อย่างน้อยที่สุดคนแก่อายุ 66 ปี ผ่านโลกมามากแล้ว ผ่านมาหมดทุกอย่างในชีวิตแล้ว อย่างน้อยที่สุดประสบการณ์สิ่งที่พูดออกมามันน่าจะเป็นข้อคิดให้ท่านผู้ชม และพันธมิตรฯ หลายคนได้ฟัง และได้คิด ผมเชื่อว่าข้อคิดผมจะมีสาระ มีปรัชญา มีความถูกต้อง มีธรรมอยู่ในนั้น สิ่งที่มนุษย์เรา แม้กระทั่งแอนกับจุ๊ ทุกวันนี้ที่ต้องเจอคือว่า มีอยู่หลายเวลาในช่วงทุกๆ วันที่เราใช้ชีวิตอยู่ เราไม่ได้เป็นตัวของเราเอง เพราะเราถูกสิ่งแวดล้อมรอบตัวเราบังคับให้เราเป็นไปอย่างเขา เป็นไปตามกระแสเข้าใจไหม แต่ผมไม่ยอมเป็นไปตามกระแส อาจจะเป็นเพราะว่าผมแก่มากแล้ว ผมจะตายอยู่แล้ว ผมมีความรู้สึกว่า เฮ้ยอายุกูก็อยู่ในโลกนี้ไม่รู้จะกี่ปี ใครจะไปรู้ วันเกิดปีนี้ครบ 66 พฤศจิกาฯ วันที่ 7 วันที่ 8 อาจจะตายไปแล้วก็ได้ใครจะไปรู้
เพราะฉะนั้นแล้วเวลามันยิ่งสั้น เรายิ่งจะต้องอยู่กับตัวเราเองให้มากขึ้น เพราะฉะนั้นการอยู่กับตัวเราเองที่สำคัญที่สุด ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่าการต้องไม่โกหกตัวเอง รู้สึกอย่างไรก็พูดไปอย่างนั้น
จินดารัตน์ - เคารพความรู้สึกตัวเอง
สนธิ - เคารพความรู้สึกตัวเอง เหมือนสมัยก่อนผมจะพูดจาถนอมน้ำใจคน พออายุมากขึ้นรู้สึกว่า ไม่ค่อยถนอมน้ำใจคน มีคนๆ นึงมาหาผม ไม่เชื่อถามคุณชัชวาลย์ดู หรือถามอาจารย์ปานเทพดู อย่าให้ผมเอ่ยชื่อเลย เขามาถึงเขาก็พยายามที่จะมา เขาเคยรู้จักผมมาก่อน เขามาพูดบอกเขาจะตั้งชมรมอันนึง เพื่อประสานกันมีคุณหมอประเวศ มีโน้นมีนี่ พอพูดจบเขาบอกว่า ผมอยากจะเชิญพี่เข้าไปเป็นที่ปรึกษา เลยบอกไม่ต้องเชิญผมหรอก ผมไม่ไปหรอก พี่แค่ให้คำปรึกษาโผล่หน้าไปหน่อย เพื่อเป็นเกียรติแก่ผม คุณเอาผมไปเป็นเกียรติเพื่ออะไร คุณได้เกียรติแต่ผมมีทุกข์ เพราะผมไม่เคยเห็นด้วยในสิ่งที่คุณทำ
จินดารัตน์ - พูดอย่างนี้เลย
สนธิ - อย่างนี้เลย เพราะสิ่งที่คุณทำ คุณพยายามเอาหน้า คุณก็รู้คุณทำอันนี้ไป คุณทำเพื่อสร้างชื่อเสียงหลักการตลาดของคุณ แล้วคุณก็มายืมตัวผม ยืมคนโน้นนี่นั่น ไอ้นี่ก็นั่งตัวแข็งเลยนะ ผมไม่เอา แล้วผมพูดว่า ถ้าไม่จำเป็นทีหลังอย่ามาหาผมอีก
กาญจนา - ชัดมากค่ะ
สนธิ - นี่ไง นี่คือความรู้สึกที่แท้จริง แต่ถ้าเป็นอดีตความรู้สึกที่ไม่แท้จริง สมัยยังที่ยังไม่แก่ขนาดนี้ ก็ยังไม่ปากจัดขนาดนี้ ก็ยังบอกผมยังไม่ว่าง แหมอยากจริงๆ อยากไป
จินดารัตน์ - รักษาน้ำใจเขา
สนธิ - เป็นโครงการที่ดีเป็นเรื่องที่ดี เอาเถอะเอา ผมยินดีช่วยแต่ว่า ขณะนี้ยังไม่ว่าง ผมเห็นด้วยนะ ส่งเสริม สนับสนุน ขอให้เจริญๆ เถอะรับรองไปได้สำเร็จแน่ นี่คืออดีต แต่เรารู้ว่า สิ่งที่เราพูดนี่เราโกหกตัวเราเอง เราไม่มีเวลามาโกหกตัวเราเองแล้ว เพราะพอมันไปเสร็จแล้ว เราก็มานั่งสมเพชตัวเรา ทำไมเราต้องสมเพชตัวเรา ทำไมเราไม่พอใจอะไร แล้วมันเป็นเรื่องหลักการก็บอกเขาไปตรงๆ ว่า สิ่งที่คุณทำนั่นผมไม่เห็นด้วย แล้วเรื่องประเภทนี้อย่ามาเสือกเสนอหน้าเข้ามาอีก ไม่ต้องมาหาผมหรอก คุณจะไปทำห่าอะไรคุณไปทำ ผมไม่สนใจ แล้วเหมือนกับว่า มันได้ปลดปล่อยแอน ปลดปล่อยจริงๆ นะไม่ได้พูดเล่น
จินดารัตน์ - พูดเสร็จแทนที่จะทุกข์เหมือนแต่ก่อน
สนธิ - แทนที่จะทุกข์เหมือนแต่ก่อน ไม่ทุกข์แล้ว โล่งใจ แล้วมีความรู้สึกว่า แล้วคุณสนธิไม่กลัวเสียเพื่อน โถ่ไอ้เพื่อนส้นตีนแบบนี้ เสียแม่งไปอีกร้อยคนกูก็ไม่เสียดาย อายุยิ่งมากยิ่งต้องคบคนให้น้อยลง เพราะไม่มีเวลาไปเอาใจใคร เข้าใจไหมแอน นี่ไม่ใช่สนทนากันในลักษณะพิธีกรกับผม ไม่ใช่นะ นี่เป็นการเล่าให้ในใจให้แอนกับจุ๊ฟังนะ เก็ทอะไรได้ก็เก็ทไป เพราะแอนอีกไม่กี่ปีก็จะเหมือนผมแล้ว
จินดารัตน์ - อีกนานเหมือนกันค่ะ
สนธิ - ใช่ไหม ก็ฝึกเอาไว้ก่อนล่วงหน้า
จินดารัตน์ - แอนว่า ลูกน้องคุณสนธิหลายคนนะคะ เริ่มติดนิสัยคุณสนธิไปไม่มาก็น้อยค่ะ
สนธิ - ก็ไม่รู้แล้วแต่
จินดารัตน์ - เริ่มรู้สึกว่าเสียเวลา
สนธิ - เสียเวลาใช่ไหม
กาญจนา - เสียเวลาที่พูดที่จะอธิบาย บางคนทำความเข้าใจในสิ่งที่เราคิดเราเป็น
จินดารัตน์ - แล้วขี้เกียจไปเถียงกับมันด้วย
สนธิ - ไม่มีความจำเป็นจะต้องไปนั่งอธิบายให้คนฟังมากมายนัก เหมือนอย่างที่ผมอ่านอยู่ในเฟซบุ๊ก อ่านอยู่ในแฟนเพจของคุยทุกเรื่องกับสนธิ คุณสนธิเมื่อไหร่จะออก คุณสนธิทำไมเดี๋ยวนี้เปลี่ยนไปโน้นนี่นั่น ผมก็อ่านไปแล้วผมก็สงสารคนเขียนบอกว่า เสียทีที่รักกัน เคารพกัน ติดตามกันมาตลอด แสดงว่าผมนี่ไม่มีปัญญากับพวกคุณที่เขียนมาแบบนี้ ไม่มีปัญญาที่จะแนะนำให้คุณเข้าใจได้ ความผิดอยู่ที่ผม ไม่ได้อยู่ที่คุณ หรือคุณโง่เกินกว่าที่จะเข้าใจ เข้าใจมั้ย เพราะฉะนั้นแล้วผมก็เลยคิดว่า ช่างมันเถอะ ผมเลยเข้าใจหลักการของคำว่าเตมีย์ใบ้ นิ่งเสียตำลึงทอง นั่งเฉย ฟัง มีสาระก็ฟังไป ไม่เห็นด้วย เขาพูดจาไม่ถูกต้อง แต่ถ้าคนพูดเจตนาดี มีจิตใจกว้าง พร้อมที่จะเปิดรับ ก็เล่าให้เขาฟังว่าเราไม่เห็นด้วยตรงไหน แต่ถ้าคนพูดแสดงอาการภูมิปัญญาอหังการ มะมังการ มีอัตตาสูง ก็ต้องปล่อยให้มันตายด้วยอัตตามันเอง คือให้มันบ้าไปเลย ด้วยการส่งเสริมมัน ว่า .. โอ้โห เป็นความคิดที่วิเศษสุด ไปได้ความคิดนี้มาจากไหน มันก็จะพล่ามของมันไปเรื่อย เราก็นั่ง เราก็เฉย เข้าหูซ้ายออกหูขวา พอมันพูด ระหว่างที่มันพูด ตาเราก็จ้องมองมัน แต่หูเรา กับใจเรา กำลังคิดเรื่องอื่นอยู่ เพราะฉะนั้นแล้ว จริงๆ มันเป็นประสบการณ์ที่สามีคนหนึ่งได้ฝึกมาด้วยนะ มันก็เลยก่อให้เกิดอย่างนี้ ลองไปถามโดมสิ แต่ผมกำลังจะเล่าให้ฟังว่า ที่ผมสังเกต ในหลักธรรมเขาบอกว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุด และทำลายคน คืออัตตา อัตตาคือ การหลงตัวเอง การหลงตัวเองมันทำลายหมดทุกอย่างเลยนะ ตัวกู ของกู ไม่ได้เลย
จินดารัตน์ - มันทำให้ตามืดบอด
สนธิ - มืดบอดหมด
จินดารัตน์ - หูก็หนวก
สนธิ - ผมนี่พยายามหลีกเลี่ยงคำว่า ตัวกู ของกูอย่างที่สุด เหมือนอย่างเวลาไปไหน ถ้าสมมุติว่าคนจะขอถ่ายรูปด้วย เขามีเจตนาดี ก็ยืนถ่ายให้เขา ไม่ได้แสดงว่าตัวเองเป็นซูเปอร์สตาร์
จินดารัตน์ - ซุปตาร์เหรอคะ
สนธิ - ซุปตาร์ ใช่มั้ย ... ยิ้มแย้มแจ่มใส แล้วถ้าหลบได้ ไม่มีใครเห็น ก็วื้บ! หลบไปเลย ไม่มีความรู้สึกว่าอยากจะไปทักคนโน้น เพื่อให้เขาทักเราแล้วก็ถ่ายรูปกับเรา ไม่ใช่ เรามีความรู้สึกว่า เฮ้ย ทำยังไงถึงจะมีโอกาสที่จะเป็นตัวของตัวเอง ไม่มีใครมองอยู่ ไม่มีใครเห็นเรา ตรงนี้มีบันไดลง ลงพรวดไปเลย ไม่สนใจ แต่จะมีลักษณะคนอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งชอบเดินทักคนโน้น เดินทักคนนี้
กาญจนา - ให้เป็นจุดสนใจ
สนธิ - ให้เป็นจุดสนใจ นี่ไง อัตตาตรงนี้มันไม่ได้ มันต้องตัดออกให้หมด ไอ้ที่มาออกรายการคุยทุกเรื่องกับสนธินี่กี่เดือนแล้ว แอน จำได้มั้ย
กาญจนา - เกือบปี
สนธิ - 6 เดือนได้มั้ย
จินดารัตน์ - น่าจะประมาณนั้นนะคะ
สนธิ - 6 เดือนนี่ไม่ใช่ออกมาเพราะต้องการมีอัตตาให้คนรู้จัก แต่ต้องการจะเอาปัญญาที่ตัวเองมีมาแลกเปลี่ยนให้ฟัง มาเล่าให้ฟังว่า เรื่องแบบนี้ผมคิดยังไง เพราะว่าตัวเองนี่ ห้องสมุด ปัญญา ปรัชญาที่เรียนรู้ทั้งหมดมันอยู่ตรงนี้ กลัวว่าวันไหนจะไม่อยู่ในโลกนี้ จะไม่มีอีกแล้ว
เพราะฉะนั้นพวกน้องๆ นุ่งๆ ลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน ที่นั่งกินกาแฟกับผมตอนเช้า เหตุผลที่คนอายุ 66 ไปนั่งทำงานต่ออยู่ทุกวันนี้ก็เพราะว่า ต้องการไปเสวนากับเด็กๆ สอนเด็กมัน ฟังมันพูด พอมันพูดจบแล้วเราคิดว่ามันพลาดจุดไหนบ้างเราก็เสริมให้มัน และในขณะเดียวกันในทางมุมกลับ เราก็เรียนรู้จากมันด้วย ไม่มีใครรู้ว่าผมอายุขนาดนี้แล้ว แต่แอนรู้ว่าผมทันสมัยขนาดไหน ไม่ต้องบอกเรื่องอะไร แอนรู้ใช่ไหม
จินดารัตน์ - อึ้ง
สนธิ - เพราะอะไร เพราะว่าผมฟังคนอื่นเขาพูด ไม่ใช่ว่าผมไปอวดตัวอยู่ตลอดเวลา ว่าผมเก่งกว่าคนอื่น แต่ถ้าใครมีเหตุผลแล้วเป็นเรื่องที่ผมไม่รู้ ผมจะถาม เมื่อกี้อยู่บนโต๊ะกินข้าวผมยังงงเลยใช่ไหม คุณคุยเรื่องนักมวย ผมไม่รู้ผมก็ถาม อย่างงี้ๆ เราก็บอก ตายห่าแล้วกู ตกข่าว ไม่ใช่รู้ไปหมดทุกเรื่อง นั่นคือประเด็นสำคัญที่สุดที่มีอยู่
จินดารัตน์ - ก็คือถ้าไม่มีอัตตาแล้วก็จะได้รู้ทุกเรื่อง
สนธิ - มันไม่ใช่ได้รู้ทุกเรื่องอย่างเดียว ถ้าไม่มีอัตตาชีวิตมีความสุข คนไม่มีอัตตาคือคนซึ่งเหมือนปล่อยวางได้เกือบหมดแล้วนะ 99 เปอร์เซ็นต์ เพราะถ้าไม่มีตัวกู ของกู ใครจะมายืนด่าอะไร คือเวลาผมปล่อย อย่างผมไปศาลวันนี้ ผมไปเจอคนซึ่งผมไปยื่นคำร้อง ผมไปเจอเด็กที่อยู่หน้าศาล อายุน้อยกว่าผม ผมไม่มีอัตตาหรอก ผมยื่นเอกสารให้ ผมยกมือไหว้เขา บอกพี่ช่วยหน่อยนะครับ ผมนึกในใจ กูเป็นพ่อมึงได้แล้วนะ แต่ก็ยังเรียกเขาพี่ เหตุผลที่คนอายุ 66 ไปนั่งทำงานต่ออยู่ทุกวันนี้ก็เพราะว่า ต้องการไปเสวนากับเด็กๆ สอนเด็กมัน ฟังมันพูด พอมันพูดจบแล้วเราคิดว่ามันพลาดจุดไหนบ้างเราก็เสริมให้มัน และในขณะเดียวกันในทางมุมกลับ เราก็เรียนรู้จากมันด้วย ไม่มีใครรู้ว่าผมอายุขนาดนี้แล้ว แต่แอนรู้ว่าผมทันสมัยขนาดไหน ไม่ต้องบอกเรื่องอะไร แอนรู้ใช่ไหม
จินดารัตน์ - อึ้ง
สนธิ - เพราะอะไร เพราะว่าผมฟังคนอื่นเขาพูด ไม่ใช่ว่าผมไปอวดตัวอยู่ตลอดเวลา ว่าผมเก่งกว่าคนอื่น แต่ถ้าใครมีเหตุผลแล้วเป็นเรื่องที่ผมไม่รู้ ผมจะถาม เมื่อกี้อยู่บนโต๊ะกินข้าวผมยังงงเลยใช่ไหม คุณคุยเรื่องนักมวย ผมไม่รู้ผมก็ถาม อย่างงี้ๆ เราก็บอก ตายห่าแล้วกู ตกข่าว ไม่ใช่รู้ไปหมดทุกเรื่อง นั่นคือประเด็นสำคัญที่สุดที่มีอยู่
จินดารัตน์ - ก็คือถ้าไม่มีอัตตาแล้วก็จะได้รู้ทุกเรื่อง
สนธิ - มันไม่ใช่ได้รู้ทุกเรื่องอย่างเดียว ถ้าไม่มีอัตตาชีวิตมีความสุข คนไม่มีอัตตาคือคนซึ่งเหมือนปล่อยวางได้เกือบหมดแล้วนะ 99 เปอร์เซ็นต์ เพราะถ้าไม่มีตัวกู ของกู ใครจะมายืนด่าอะไร คือเวลาผมปล่อย อย่างผมไปศาลวันนี้ ผมไปเจอคนซึ่งผมไปยื่นคำร้อง ผมไปเจอเด็กที่อยู่หน้าศาล อายุน้อยกว่าผม ผมไม่มีอัตตาหรอก ผมยื่นเอกสารให้ ผมยกมือไหว้เขา บอกพี่ช่วยหน่อยนะครับ ผมนึกในใจ กูเป็นพ่อมึงได้แล้วนะ แต่ก็ยังเรียกเขาพี่
จินดารัตน์ - เขาไม่ตกใจเหรอค่ะ
สนธิ - เขาก็ตกใจ แต่เขาก็เขิน เขาบอกว่าท่านไม่ต้องเรียกหนูพี่หรอกค่ะ หนูยินดี บอกไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมากนะครับที่ช่วย และนั่งรออยู่รอนานเหลือเกินตั้ง 2 ชั่วโมงกว่า ทั้งที่มันน่าจะเสร็จตั้งแต่ครึ่งชั่วโมง เราก็ไม่ว่าอะไร คนที่ไปกับเราซึ่งเป็นทนายเขาก็บอกพี่เดี๋ยวผมจะไปถาม อย่าๆ ปล่อยเขาทำงานไปได้เมื่อไรก็เมื่อนั้น เรื่องนี้มันไม่น่าช้า มันจะช้าก็มันมีเหตุช้า มันไม่ช้าก็มีเหตุไม่ช้า แต่ในที่สุดแล้วมันก็ต้องเสร็จ เพียงแต่เสร็จชั่วโมงนี้ กับอีกเสร็จชั่วโมงครึ่งต่อไป หนึ่งชั่วโมงครึ่งต่อไปท่านนั่งไม่เป็น ท่านคิดมากทนไม่ไหวก็จะทุรนทุราย ผมก็บอกคุณมองดูรอบๆ ตัวคุณ เห็นไหมเขานั่งกันเต็มเลย เขาทำอะไรละเขารอ และคุณดูข้างในหลังคอกทำอะไรกัน ทำงานกันบางส่วน บางส่วนก็ยื่นคุยกันก็ปล่อยแม่งเป็นอย่างนั้นไป เพราะมันก็เป็นของมันอย่างนี้แหละ
จินดารัตน์ - นี้อยู่คนละฟากฝั่งกับเจ้าของวันเกิดวันนี้เลยนะคะ
กาญจนา - ต้องบอกคุณผู้ชมก่อนเลยนะคะ ว่าร้อนรน
จินดารัตน์ - ร้อนรนมาก คลิปออกมาให้ว่อนเลย
สนธิ - เดี๋ยวดูคลิปเขาก่อน แล้วเดี๋ยวเสร็จแล้วผมก็มีเรื่องที่จะพูดกับเจ้าของวันเกิดเขาเหมือนกัน
จินดารัตน์ - แต่เดี๋ยวก่อนไปดูคลิป แอนย้อนกลับไปถึงเรื่องที่เราคุุยกันนิดนึงนะคะ เรื่องละครซีรีส์ของบริษัทแกรมมี่เรื่องฮอร์โมนวัยว้าวุ่น และมีข่าวว่าหนึ่งในนักแสดงอายุ 16 เอง ชื่อปันปัน มีภาพหลุดว่าเสพยาไอซ์ เมื่อวานคุณพ่อออกมายอมรับคนก็ให้กำลังเยอะแยะ วันนี้เฉลิมรู้ทุกเรื่องอีกแล้วค่ะ คุณพ่อรู้ทุกเรื่องก็มาแถลงข่าวว่า ไปตรวจปัสสาวะน้องไม่มีสีม่วง น้องเองโดนตัดต่อภาพ
กาญจนา - แล้วก็ที่คุณพ่อยอมรับกับสื่อเมื่อวานนี้ ว่าน้องเสพยาเป็นเพราะพ่อเขาตกใจ ตอบแทนพ่อเขาด้วย
จินดารัตน์ - แกรู้ทุกเรื่องนะ เรื่องเดียวที่แกไม่รู้คือเรื่องลูกตัวเอง ก็ปรากฏว่า เรื่องฮอร์โมนเนี้ยะนะคะ คือหลายคนกำลังสงสัย เพราะว่าท่านผู้ชมบางท่านอาจยังไม่เคยดู เคยได้ยินชื่อว่าเขาดูกันตั้งแปดล้านวิวที่เข้าไปดูในยูทิวบ์มันคืออะไร มันคือละครวัยรุ่น ที่ถูกใจคือมันแรง เพราะเนื้อหามันแรงจริงๆ แฉพฤติกรรมวัยรุ่นในโรงเรียนหมด คุณสนธิก็เลยถามแอนกับคุณจุ๊ว่า ไหนลองบอกความรู้สึกเราสิ แอนก็บอกมันแรงนะ มันดังเพราะมันแรง ทำให้สังคมมองเห็นว่า ปัญหามันคืออะไร คนที่มีลูกวัยรุ่นอย่างแอนจะกลัว ดูแล้วกลัว รู้สึกว่ามันมีอย่างนี้จริงๆ สังคมต้องยอมรับ แอนก็เลยคุยกับคุณสนธิว่า อยากให้ไปฉายฟรีทีวีให้คนทั่วไปรู้ว่าความเป็นจริงของเด็กวัยรุ่นคืออะไร แต่คุณสนธิก็มีมุมมองหนึ่ง
สนธิ - แอนพูดสิ พูดแทนผมเลย ผมพูดให้ฟังแล้ว
กาญจนา - คือถ้าอย่างฟรีทีวี เนื้อหาต้องเล่าให้คุณผู้ชมที่อาจจะยังไม่เคยชมฟังก่อนว่า เกิดมาฉากแรก มันก็อาจจะสะท้อนเรื่องราวบางอย่างที่มันเกิดขึ้นจริงในสังคมคือ เด็กนักเรียนมีเพศสัมพันธ์กันในโรงเรียน มันเคยมีข่าวมาก่อนหน้านี้อยู่แล้ว เราต้องยอมรับ แต่แบบนี้ฟรีทีวีคงไม่ได้
จินดารัตน์ - กสทช.เรียกไปคุยแล้วนี่ แอนว่าแอนชอบนะ แอนอยากให้สังคมทั่วๆ ไปได้ดูมากกว่านี้ แต่มันก็เหมือนดาบสองคมว่า ถ้าดูโดยปราศจากพ่อแม่ คำแนะนำ เด็กจะเลียนแบบได้ คุณสนธิก็นั่งฟังแล้วบอกว่า แต่สำหรับผมนะ ผมว่าอันนี้คือกระจกสะท้อนให้เห็นภาพว่าสังคมคืออะไร แต่มันยังขาดตะเกียงที่จุดให้มันสว่าง
สนธิ - คือไอ้คนทำทีวี กับเจ้าของรายการ บริษัทแกรมมี่ ทำทุกอย่างในชีวิตเพื่อหวังกำไร ทำไมต้องทำให้แรง เพื่อให้ได้เรตติ้ง ทำไมทำเพื่อแรงให้ได้เรตติ้ง ทำไมตอ้งการเรตติ้งสูง เพราะเพื่อหวังผลทางโฆษณา จะได้เงิน สรุปจบลงด้วยเงิน เพราะฉะนั้นแล้วในโลกนี้ในสังคมนี้ ถ้าทุกภาคส่วนของสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคส่วนที่มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบต่อสังคมในฐานะที่เป็นสื่อมวลชน ถ้าเอาเงินเป็นตัวตั้ง สังคมก็ฉิบหายเช่นกัน ถ้าเขาไม่เอาเงินเป็นตัวตั้ง เขาจะทำภาพยนตร์ให้แรง ละครให้แรงทำไม ที่เขาทำให้แรงเพราะต้องการทำให้เรตติ้งสูง คนพูดถึงตลอดเวลา โฆษณาคนเข้ามาดูเยอะ โฆษณาก็มา ตั้ง 8 ล้านวิวต่อตอน ถ้าคิดโฆษณาแล้ว ถ้า 8 ล้านวิว ยังสูงกว่าฟรีทีวีอีกนะ ฟรีทีวีโฆษณามาเท่าไหร่เป็นตัวเงินไปหมดเลย ส่วนผลที่กเดขึ้นมามันจะฉิบหายอย่างไรช่างหัวมัน
เขาบอกว่า ละครนี้เป็นกระจกสะท้อนเงาของสังคม ถามกลับว่า ถ้าไม่มีเรื่องนี้ ถามว่าสังคมไทยทุกวันนี้คนพอจะรู้ไหมว่ามันเละถึงขนาดนี้แล้ว คำตอบคือ รู้แล้ว มีข่าวเยอะด้วย ผมก็ถามกลับว่า ในฐานะซึ่งเป็นเจ้าของรายการ บริษัทแกรมมี่ ซึ่งไม่เคยทำอะไรที่เหมาะ เป็นคุณธรรมให้สังคมเห็นเป็นเรื่องๆ ต้องการอย่างเดียวคือเมคมันนี่เท่านั้นเอง ถ้าจะทำทั้งทีทำทำไมเป็นกระจกสะท้อนเงา เป็นทั้งกระจกและตะเกียงด้วยได้ไหม เช่น เป็นบทบาทของเด็กที่อยู่ในสังคมที่เละเทะ แต่ว่าทำไมในโรงเรียนนั้นไม่มีเด็กซึ่งมันดี และมันหักห้ามใจได้ และมันหลุดพ้นจากความเละเทะนี่ไปได้ ที่มันหลุดพ้นไม่ได้เพราะว่า พ่อแม่ให้ความอบอุ่น มันเข้ามาผสมกันได้เป็นเรื่องหนึ่ง เป็นทั้งกระจก และเป็นทั้งตะเกียง ไม่เขาเลือกที่จะเป็นกระจก เพราะว่าการเป็นกระจกมันจะสะท้อนความเละเทะออกมาได้อย่างเดียว เพื่อเรตติ้งมันดีเท่านั้นเอง แต่ถ้ามีตะเกียงด้วย ไอ้ช่วงเละปริมาณที่เคยเละอยู่ 10 นาที อาจจะต้องลดเหลือเละแค่ 5 นาที มันก็จะไม่ได้เรตติ้งนี่ไง
เพราะฉะนั้นแล้วอย่ามาพูดว่า มันเป็นกระจกสะท้อนสังคม พูดเหมือนไอ้สื่อมวลชน หรือไอ้สังคมไทย สื่อมวลชนที่เฮงซวยทุกวันนี้ ตรงที่บอกว่า สื่อมวลชนเมืองไทยคือ กระจกที่สะท้อนให้เห็นข้อเท็จจริง แต่ความจริงแล้วสังคมไทยเป็นสังคมที่มืดบอด มันไม่มีไฟ คุณเอากระจกมาตั้งอย่างไงก็มองไม่เห็น สื่อมวลชนในเมืองไทยต้องทำตัวเป็นตะเกียง ผมยังไม่เคยเจอละครอันไหนเลย ที่พล็อตเรื่องออกมา ในสังคมที่เละเทะยังมีคนดีที่สามารถหลุดพ้นจากความเละเทะนี่ได้ เพราะความยับยั้งชั่งใจ เพราะว่าคุณค่าของคำว่าครอบครัวที่อบอุ่น เพราะความรัก ที่มีให้ต่อกันอย่างบริสุทธิ์ใจ เพราะความหวังดีซึ่งกันและกัน ทำให้เด็กคนนึง หรือเด็กสองคนหรือทำให้พ่อแม่เขามีความรู้สึกว่า เขามีกำลังใจที่จะต่อสู้ในสังคมที่เละเทะแบบนี้ เพื่อลูกเขา ในขณะเดียวกันทำให้ลูกมีความภูมิใจที่มีพ่อแม่ที่ดี ถึงแม้จะไม่ได้ร่ำรวย แต่พ่อแม่รักลูกแล้วลูกเห็นความรักที่พ่อแม่ให้ ร้องห่มร้องไห้หรือว่าซาบซึ้งในหัวใจที่ความรักพ่อแม่ให้ แล้วทำให้ลูกตัดสินใจว่า จะไม่ทำให้พ่อแม่ผิดหวัง ไม่มี ละครเมืองไทยมีที่ไหน แต่ละคนมีความรู้สึกว่า เท่ห์มากถ้าทำเรื่องอะไรได้แรง
จินดารัตน์ - คนพูดถึงเยอะ
สนธิ - ไอ้พวกผู้กำกับส้นตีนพวกนี้ผมต้องด่ามัน ไอ้ผู้กำกับส้นตีน มันคิดเป็นอยู่แค่นี้เองหรอ คือเอ็งคิดแบบแรงได้ แต่ทำไมเอ็งไม่คิดแบบสร้างสรรค์บ้างละ เอาความสร้างสรรค์เอาความแรงมาผสมกันก็ยังไม่เสียหาย เพราะในสังคมทุกสังคมที่มันเละเทะ อย่าลืมว่าดอกบัวมันเกิดจากไหน โคลนตมใช่ไหม เหมือนกัน ทำไมหาดอกบัวสักดอกในโคลนตมที่คุณนำเอามาเสนอให้เกิดขึ้นสักดอกสองดอกไม่ได้หรอ อย่างน้อยมันก็เป็นตะเกียง นี่คือสิ่งที่ผมไม่เห็นด้วยเท่านั้นเอง แต่ผมเข้าใจโอ้ยให้อภัย คือจุ๊ก็พูดไม่ใช่หรอ ไอ้เสกมันพูดไง
กาญจนา - อ่อ
จินดารัตน์ - เสก โลโซ
กาญจนา - คือกรณีนี้เกิดขึ้นเหมือนๆ กันนะคะว่า ภาพที่หลุดออกมาเป็นภาพของแวดวงบันเทิงที่เสพยาไอซ์ คือแทบจะมุมภาพเดียวกันเลย จนกระทั่งคนที่อยู่ในเครือข่ายโซเชียลเน็ตเวิร์กเขาก็เปรียบเทียบกรณีว่า กรณีของคุณเสก โลโซก่อนหน้านี้ ทำไมมีแต่คนเหยียบย่ำซ้ำเติม ทำไมน้องปันปันถึงได้รับการ
จินดารัตน์ - ให้กำลังใจ
กาญจนา - ให้กำลังใจมากกว่า แล้วก็มีคนทำการ์ตูนล้อเลียนนะคะ จนคุณเสก โลโซเองบอกว่า เฮ้ยทำไม 2 มาตรฐานกับเขา
สนธิ - ผมจะบอกอะไรให้ เรื่องนี้คุณพ่อตกใจอย่างน้อยก็ต้องชื่นชมเขา เขากล้าพูด ถ้าเขาฉลาดเขาควรจะให้ลูกสาวเขาออกจากวงการได้และ อย่าอยู่ต่อเลย
กาญจนา - เหมือนจะเป็นความตั้งใจของคุณพ่อด้วยนะคะ
สนธิ - น่าจะเอาออกไป เชื่อผมเถอะ ขอร้องเพื่อเห็นแก่อนาคตเด็ก เพราะว่าลูกสาวคุณไปเสพยาไอซ์เนี้ยะ บอกไปลองครั้งแรก และตอนหลังเด็กมาให้สัมภาษณ์ อาจจะสัมภาษณ์ด้วยความตกใจ บอกลองเพราะอยากผอม คือมันเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น จริงๆ ในข้อเท็จจริง จู่ๆ เด็กมันจะเสพยาไอซ์ได้ไง ถ้าไม่มีคนเอายามาให้มัน ต้องมีคนเอามาให้สิใช่ไหม ถ้าไม่ให้เด็กอายุ 15-16 มันจะไปหาจากไหน 1.มันต้องมีคนเอามาให้ 2.นอกจากเอามาให้แล้วยังต้องเสพด้วยกันใช่ไหม ถูกไม่ถูก เพราะฉะนั้นแล้วต้องถือว่า ทำผิดไปแล้วนะเนี้ยะงานนี้ ถ้าเป็นลูกชาวบ้านทั่วๆ ไปคนอื่นหรอ ตำรวจจับไปแล้ว นี่ออกมาเป็นพับลิก ยอมรับสารภาพ ไม่มีการโดนดำเนินคดี
กาญจนา - แล้วก็มีความพยายามของทางคุณพงศพัศ พงษ์เจริญด้วย
สนธิ - อ๋อ นี่จอมฉกฉวย นี่เขาเรียกลูกอีช่างฉก
กาญจนา - จะดึงน้องปันปันไป
สนธิ - พ่อชื่อฉก แม่ชื่อฉวย มันก็เลยเกิดมาชื่อฉกฉวย อะไรที่ฉกฉวยได้แล้วมันได้หน้า ไม่มีวันพลาด ไอ้หมอนี่ ชีวิตนี้
จินดารัตน์ - อีกคนหนึ่งด้วยค่ะ
สนธิ - เฉลิม
จินดารัตน์ - ค่ะ เอามานั่งแถลงข่าว
สนธิ - เฉลิมนี่เขาเรียกว่าจอมเสือกแห่งยุค
จินดารัตน์ - เขารู้ทุกเรื่องค่ะ
สนธิ - เขาเสือกทุกเรื่อง มีไม่กล้าเสือกอย่างเดียว คือยืนกุมไข่ต่อหน้า นช.ทักษิณ ที่ฮ่องกง
กาญจนา - คือโดนชี้หน้า
สนธิ - โดนชี้หน้า อย่างนี้เลย แล้วก็ยืนอย่างนี้ อย่างนี้ทำไมไม่เสือกบ้างล่ะ ไอ้ขี้ข้า
กาญจนา - นี่ก็เอาน้องมานั่งแถลงข่าวด้วย แต่ทางน้องและคนในครอบครัวไม่ได้พูดอะไรเลยนะคะ เพราะว่าคุณเฉลิมจัดแจงบอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้น ...
สนธิ - จัดฉากให้เสร็จเรียบร้อยหมด แก้ต่างให้เสร็จเรียบร้อยหมดเลย
กาญจนา - คือพูดให้แม้กระทั่งว่า เป็นภาพตัดต่อ ใครก็ทำได้
จินดารัตน์ - นี่มันเป็นภาพสะท้อน...
สนธิ - สังคมไทย ซึ่งเดี๋ยวผมจะพูดในอีกเบรคหนึ่งดีกว่า มันยาว มันเป็นส่วนหนึ่งของการระบายความในใจของผม
จินดารัตน์ - งั้น จากเรื่องเด็กแล้ว ก็มาเรื่องพระบ้าง เกี่ยวกับธรรมะบ้างนะคะ ธรรมะจอมปลอมหรือเปล่านี่ อันนี้ต้องแล้วแต่คุณผู้ชมจะตัดสินนะคะ คือปรากฏว่ามันมีประเด็นออกมา มีคนออกมาเปิดเผยว่า มันมีโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติธรรมของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ. ที่เกณฑ์ครูเข้าไปปฏิบัติธรรม จัดขึ้นโดยลัทธิที่เต็มไปด้วยข้อครหาอย่างธรรมกาย เขาบอกว่าไม่จริงๆ ไม่ได้มีหนังสือหรือระบุชัดว่าเป็นธรรมกาย แต่ครูที่เขาเข้าไปฝึกอบรม 11 รุ่นที่ผ่านมา เขาบอกว่ามันเป็นวิธีการล้างสมองของลัทธิชัดๆ ก็ออกมาปฏิเสธกันพัลวัน ปรากฏว่า เขาไปรื้อค้นดูว่า ก่อนหน้านี้เมื่อสมัยคุณอภิสิทธิ์ โครงการแบบนี้เคยถูกยัดเข้ามา แต่ก็ถูกต่อต้านอย่างหนักจนตกไป คราวนี้ได้สาวกธรรมกายสายตรงเลย ตั้งแต่นายกฯ ยันรัฐมนตรีฯ กระทรวงศึกษาฯ เลยประสบความสำเร็จ ทำมา 11 รุ่นแล้วค่ะคุณสนธิ แต่บางคนเขาว่า ลัทธิธรรมกายมันน่ากลัวตรงไหนเหรอ ก็ดีนี่ มันเป็นการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ทำโครงการดีๆ ให้ครู
สนธิ - ธรรมกายไม่ได้เผยแผ่พระพุทธศาสนาหรอก ธรรมกายเอาพระพุทธศาสนามาขายให้คนโง่
จินดารัตน์ - ทำมาหากิน
สนธิ - ทำมาหากิน ถึงขนาดมีการให้พระทองคำ 10 บาท
กาญจนา - ค่ะ อันนี้เป็นหนึ่งในแผนโปรโมชั่น
สนธิ - เป็นหนึ่งในแผนโปรโมชั่น เกิดมาในชีวิตนี้เพิ่งจะเห็นศาสนาพุทธมีการทำโปรโมชั่นด้วย
กาญจนา - อันนี้เป็นแผนเหมือนกับเขาต้องการเรียกคนเข้าวัด ให้แชร์ภาพไปในโซเชียลเน็ตเวิร์ก แล้วพอแชร์ไป ก็จะคัดเลือกมา พระที่แจกนี่มูลค่าทองคำหนัก 10 บาท
จินดารัตน์ - เขาไปกดไลค์เนี่ยนะคะ กดไลค์ก็มีสิทธิที่จะลุ้นพระนี้
สนธิ - คือผมไม่อยากให้บอกว่า ธรรมกายเป็นพระพุทธศาสนา เป็นลัทธิไปแล้ว เพราะว่าธรรมกายก็เป็นลัทธิที่เชิดชูเงิน ธรรมกาย กับแกรมมี่ ไม่ได้ต่างอะไรกันเลยนะ เพียงแต่เดินคนละสาย แต่มุ่งสู่นิพพานการเงินหมด
จินดารัตน์ - นิพพานการเงินเหรอคะ
สนธิ - ใช่ ทั้งคู่ มุ่งสู่นิพพานการเงินหมดทั้งคู่เลย ศาสนาอะไรก็ตาม ถ้าเอาเงินเป็นตัวตั้งนี่ พูดได้คำเดียวว่าฉิบหายแน่นอน เพราะว่ามันผิดตั้งแต่ต้นแล้วว่าใครทำบุญมาก คนนั้นจะได้ขึ้นสวรรค์ แสดงว่ามีแต่คนรวยถึงมีสิทธิขึ้นสวรรค์สิ
จินดารัตน์ - บริจาคเยอะ ได้บุญเยอะ ตามจำนวนเงิน
สนธิ - ได้บุญเยอะตามจำนวนเงิน แล้วก็มีการแต่ง เอาผู้หญิงแต่งชุด มีมงกุฎ มีเพชรให้หมดเลย แล้วก็มาเดิน เหมือนเดินบนแคตวอล์ก แล้วประกาศ ...
จินดารัตน์ - พรมแดง
สนธิ - พรมแดง ประกาศบอกว่า นี่นะก็คือเทพธิดา แต่งตัวให้เห็นว่าเทพธิดาอยู่บนสวรรค์ คนนี้เป็นเทพธิดา สวยแบบนี้ มีเครื่องแบบนี้เพราะว่าตอนมีชีวิตอยู่บนโลกนั้น บริจาคเงิน ผู้หญิงเยอะเลยก็อยากจะเป็นเทพธิดา ก็บริจาค บริจาคไปบริจาคมาปรากฏว่าแทนที่จะได้เป็นเทพธิดาบรสวรรค์ กลายเป็นตกนรกไปเรียบร้อยเพราะทะเลาะกับผัว เอาเงินเอาทองที่ผัวเก็บเอาไว้ เอาที่ดินของตัวเองไปขายและเอาเงินไปถวายธรรมกาย นี่เป็นลัทธิ แล้วทำไมมหาเถรสมาคมไม่ทำ ก็เพราะว่าสมเด็จพุฒาจารย์รักษาการแทนสังฆราช เป็นคนสนับสนุนธรรมกาย สมเด็จญาณฯ องค์ที่แล้ว เป็นคนที่จัดการกับธรรมกาย เพราะธรรมกายผิดพระธรรมวินัยอย่างสูงหลายเรื่อง ท่านดำเนินการกับธรรมกาย และธรรมกายก็โดนคดีความกองปราบ จับผิดหมดเลย ส่งฟ้องไปที่อัยการ อัยการส่งฟ้องแล้วนะ ปรากฏว่าทักษิณ ชินวัตร บอกอัยการสูงสุด พชร ยุติธรรมดำรง ให้ช่วยหน่อย ให้ถอน พอถอนเสร็จภรรยาของคุณพชร ยุติธรรมดำรง ได้เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนรัฐบาลโรงเรียนหนึ่ง ธัมมชโยจึงหลุดออกมา วันนี้ดูธัมมชโยออกมาเทศน์สิ ใส่เสื้อแขนยาว เสื้อยืดสีเหลือง ไม่ใช่พระแต่งตัวแล้วงานนี้ ผ้าไหมสวิส นี่เรื่องจริง
เพราะฉะนั้นแล้ว ผมถึงบอกธรรมกายไม่ใช่พระพุทธศาสนา เป็นลัทธิ ต้องเข้าใจ นี่คือความเพี้ยนของสังคมไทย เหมือนกับความเพี้ยนในกรณีของน้องปันปัน หลายเรื่อง ซึ่งเดี๋ยวเราจะพูดกันต่อไปว่าทั้งหมดนี่เกิดขึ้นเพราะอะไร
กาญจนา - แล้วคุณสนธิมองอย่างไรคะว่า เขาใช้วิธีการเรียกครูที่อยู่ในสังกัดของ สพฐ.
สนธิ - เพราะต้องการไปล้างสมองครูก่อนไง เพื่อให้ครูไปล้างสมองเด็กต่อไป เขาบอกธรรมกายมีอะไรผิดเหรอ สอนให้คนเป็นคนดี สอนให้คนนั่งสมาธิ ไม่ผิดหรอก แต่ผิดตรงที่ว่า ผิดพระธรรมวินัยหลายเรื่อง เช่น บอกว่านิพพานเป็นอัตตา เป็นได้อย่างไรอัตตา มันเป็นอนัตตา พอนิพพานก็ไม่มีอะไรแล้ว แต่นี่บอกไม่ใช่ ด้วยเหตุที่ว่านิพพานมันเป็นอัตตาเพราะว่า เขาจะได้หาเหตุบอกว่า สามารถที่จะไปตักบาตรกับพระพุทธเจ้าได้ ไปพบพระพุทะเจ้าได้ ไอ้คำนี่ก็ตัวหนึ่ง ว่าตัวเองเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ความจริงไอ้คำมันไม่น่าบวชธรรมยุตินะ มันน่าจะไปอยู่ธรรมกาย แต่มันไปอยู่ไม่ได้ เพราะธรรมกายเขามีเถ้าแก่อยู่แล้ว ไอ้คำต้องไปสร้างสำนักของตัวเองขึ้นมา แล้วก็หลอกคนไทยโง่ๆ เช่น คนไทยที่ลุ่มหลง หลงใหลโดยไม่ฟังเพียงแต่ไอ้คำบอกว่าชาติก่อนเป็นแม่ลูกกันเท่านั้น คุณสุนันทาเจ้าของยาสีฟันตราดอกบัวคู่ เสียไปไม่รู้เท่าไหร่ นี่ยกตัวอย่างง่ายๆ และนี่คือสังคมไทย ที่มันโง่จนกระทั่งผมต้องปล่อยวาง แล้วผมอยากอยู่ของผมเงียบๆ ผมอยากจะมีชุมชนที่ไม่โง่ มีปัญญา มีสติ ถึงจำนวนไม่มากแต่มาอยู่ด้วยกันดีกว่า แต่มีข้อเตือนใจนะ ชุมชนนี้ถ้าอยู่แล้วจะเป็นคนเพี้ยน เพราะไม่มีใครคุยด้วย คุยด้วยแล้วไม่รู้เรื่อง เพราะเราไม่รู้เรื่องเลย ผมเคยบอกไม่ใช่เหรอแอน จุ๊จบมาแล้วกี่ปี
กาญจนา - 6 ปีค่ะ
สนธิ - เลี้ยงรุ่นกันบ้างหรือเปล่า
กาญจนา - ไม่ค่อยนะคะ แต่ว่าจะเจอกลุ่มย่อยบ้าง กลุ่มย่อยๆ ไม่ได้เลี้ยงกันทั้งรุ่น
สนธิ - โอเค งั้นลองสังเกตกลุ่มย่อยๆ ช่วงหลังๆ ที่เจอ คุยไปคุยมาจุ๊มีความรู้สึกมั้ยว่าเริ่มคุยกับพวกเขาไม่รู้เรื่อง
กาญจนา - มีค่ะ
สนธิ - แอนล่ะ
จินดารัตน์ - ค่ะ
กาญจนา - บางคนไม่ต้องไปเจอ บางคนเขาโทรมา พอรู้ว่าทำงานที่นี่ ทำอะไรอย่างนี้ "มึงไปทำงานที่นี่ได้ไง"
สนธิ - มึงทำงานที่นี่ได้ยังไงเนี่ย ทำไมจุ๊ไม่ถามล่ะ ทำไมมึงโง่นักมึงถึงไม่มาทำงานที่นี่
จินดารัตน์ - ใช่ค่ะ บางคนเลิกคุยไปเลย เสียเวลา
สนธิ - แล้วก็หลายคนนะ เขามาพบมิตรแท้ มิตรบริสุทธิ์ใจ กัลยาณมิตร ในการชุมนุมของพันธมิตรฯ
จินดารัตน์ - ใช่ค่ะ
สนธิ - เพียงแต่ชุมนุมกันแค่ 193 วัน หรือ 158 วัน เขารักกันมาก แล้วปรากฏว่ารักกันมากกว่าเพื่อนที่เขาคบกันมาตั้งแต่เด็กๆ และปรากฏว่า หลังจากกลับไปแล้ว ไปเจอเพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่เด็กๆ คุยกันไม่รู้เรื่อง เลิกคุยกันไปเลย
จินดารัตน์ - แอนก็เป็นคนหนึ่ง
สนธิ - แอนเป็นคนหนึ่งใช่มั้ย
จินดารัตน์ - ที่เจอเพื่อนในม็อบ แล้วก็สนิทยิ่งกว่าเพื่อนเรียนมาด้วยกันเป็นไหนๆ เลยค่ะ เพราะคุยกันรู้เรื่อง
สนธิ - ผมไม่เจอใครเลย ผมจบอัสสัมชัญศรีราชา ผมอัสสัมชัญศรีราชา รุ่น 18 ตายไปหลายคนแล้ว แต่ผมจำได้ เป็นเวลาร่วมสิบกว่าปีแล้ว เวลาเขาเลี้ยงรุ่น ผมไม่ไป แอนรู้มั้ยทำไมผมไม่ไป ผมขี้เกียจไปรับฟังความโง่ของพวกมัน เพราะมันไปถึงมันจะคุยแต่เรื่องความร่ำรวย คุยถึงเรื่องธุรกิจที่จะทำอันโน้นอันนี้ คุยถึงเรื่องวิธีจะโกงประเทศต้องทำอย่างไร ผมมีหมด มีทั้งปลัดกระทรวง เป็นอัสสัมชัญศรีราชารุ่นเดียวกับผม มีนายพลตำรวจเอก นายพลเอกก็มี คุยกันเรื่องลาภ ยศ ความน่าสรรเสริญ ผมฟังแล้วผมจะอ้วก ผมรับไม่ได้ก็เลยไม่ไปเลย เฮ้ยไอ้โต ไอ้ห่าเลี้ยงรุ่นทุกปีเลย มึงไม่เห็นมาเลยพวกกูอยากเจอมันฉิบหาย แล้วช่วงหลังมึงเป็นแกนนำพันธมิตรฯ เขาก็อยากเจอมึง ผมนึกในใจมึงอย่าเจอกูเลย ถ้าเจอกูแล้วมึงจะเสียใจ เดี๋ยววงแตก
จินดารัตน์ - แต่ส่วนใหญ่ผู้หญิง เขาจะเป็นสายลมแสงแดด
สนธิ - แล้วผมก็ไม่ไปอีกเหตุผลหนึ่งเพราะว่า ไอ้นง ทนง พิทยะ ก็อัสสัมชัญศรีราชารุ่นเดียวกับผม ผมไม่อยากจะไปในที่ที่มันไป เพราะผมรังเกียจเดียดฉันมันมาก ตั้งแต่มันไปรับใช้เลียไข่ทักษิณ ชินวัตร
จินดารัตน์ - คุณสนธิ แอนมีคำถามหนึ่งที่บางทีน้องๆ เขาก็ฝากถามความเห็นคุณสนธิมา อย่างสมมติเราทำงานสื่อ เราไปเจอคนๆ หนึ่งที่เป็นขี้ข้าทักษิณไปแล้วเรียบร้อย โดยวัยวุฒิ หน้าที่การงานในสังคม เราควรจะยกมือไหว้เขาไหมคะ จำเป็นแค่ไหน
สนธิ - ผมคิดว่าถ้าคุณจะไหว้ คุณควรจะไหว้เขาเงื่อนไขข้อเดียวคือ เขาเป็นผู้อาวุโส อายุมากวก่าคุณ จบ เหมือนกับเวลาผมเจอพระ ผมไหว้ เพราะผมคิดว่าผมไหว้ผ้าเหลือง จบ นมัสการพระอาจารย์ เสร็จแล้วก็ กูรีบไปแล้ว ผมกราบลา พระอาจารย์ อ้าวรีบไปไหนโยม ผมมีธุระครับ จริงๆ ไม่ชอบท่าน ไม่ชอบวัตรปฏิบัติของท่าน ไม่ชอบวิธีการของท่าน แต่ว่าไหว้เพราะว่าท่านห่มผ้าเหลือง ท่านได้บวชถูกต้องตามพระธรรมวินัย จบเท่านั้นเอง
กาญจนา - ถ้าคิดอย่างนี้ หลายๆ คนอาจจะสามารถกราบพระสงฆ์ได้ เพราะว่าบางคนเดี๋ยวนี้ก็รู้สึกไม่ดีแล้วกับข่าวที่ออกมา
สนธิ - กราบผ้าเหลืองระหว่างที่กราบเนี้ยะ คิดถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ วิสาขบูชาคืออะไร
จินดารัตน์ - พระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้
สนธิ - คือวันที่โลกมีพระพุทธเจ้า
จินดารัตน์ - ใช่ค่ะ
สนธิ - มาฆบูชาคืออะไร
จินดารัตน์ - พระสงฆ์
สนธิ - คือวันที่พระพุทธเจ้าได้แสดงธรรมโอวาทปาติโมกข์ เป็นหลักธรรมที่สำคัญให้ทำดีไม่ทำชั่ว อาสาฬหบูชาคืออะไร คือวันแรกที่มีพระสงฆ์เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นแล้ว เจอผ้าเหลืองก็นึกว่า เป็นการไหว้พระวันอาสาฬหบูชา ไหว้พระสงฆ์ นั่นคือที่มาของคำว่า พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ 3 คำนี้ผมไม่เคยเข้าใจ มาเข้าใจที่หลัง หลังจากที่ฟังหลวงตามหาบัวพูดหลายครั้ง อ่านหนังสือท่านประยุทธ์ ปยุตโตถึงเข้าใจว่า พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์นี่ เป็นเนื้อเดียวกันหมด อย่าลืมนะ วิสาขบูชาคือวันที่โลกมีพระพุทธเจ้า การมีพระพุทธเจ้าขึ้นมาคือ การประกาศอิสรภาพให้กับปวงชน เพราะว่าประชาชนสมัยก่อน ยุคก่อน สมัยอินเดียบูชาเทพ เวลาบูชาเทพจะไม่รู้สิว่า เทพองค์นี้ชอบอะไรถูกไหม เดาใจท่านไม่ถูก บูชาท่านพระพิฆเนศ เอาอ้อยให้ท่าน ไม่รู้ว่าท่านชอบอ้อยอย่างยาว หรืออ้อยอย่างสั้น ถวายนมสดท่าน ไม่ทราบว่าท่านต้องการ non fat หรือว่าต้องการ fat ใช่ไหม สมัยโบราณเลยไม่รู้ก็เห็นว่า อาจจะต้องทำพิธียัญ ก็เริ่มเอาด้วยไก่กับเป็ดก่อน ไปๆ มาๆ รู้สึกท่านไม่พอใจต้องฆ่าวัว ฆ่าหมู ถึงจุดสุดท้ายเจ้าแม่กาลีต้องบูชายัญผู้หญิง พอพระพุทธเจ้าเกิดแล้ว ธรรมพระพุทธเจ้าเหนือกว่าเทพ เพราะเทพยังต้องเคารพธรรม เพราะฉะนั้นถ้าเราเคารพธรรม เท่ากับเรามีสถานภาพเดียวกับเทพ เพราะยึดถือธรรมอันเดียวกัน เข้าใจหรือยัง
กาญจนา - เดี๋ยวยังมีอีกนิดนึงประเด็นที่เชื่อมโยงกับพระพุทธศาสนา และเชื่อมโยงมาถึงตัวคุณสนธิด้วยกับภาพตัดต่อค่ะ พี่แอน ภาพตัดต่อที่แชร์กันสนุกเลย
จินดารัตน์ - นี่แบบแมลงสาบวิ่งกันให้พล่านเลยนะ แล้วเชื่อเลยนะ ดูสิดูภาพตัดต่อ
สนธิ - เอาหัวไอ้คำตัดมาใส่
จินดารัตน์ - อันนี้เป็นวัน
สนธิ - วันทำบุญที่พรรคการเมืองใหม่ อันนี้หลวงปู่เจริญ
จินดารัตน์ - อันนี้คือภาพจริงนะคะ
สนธิ - ภาพจริงหลวงปู่เจริญอยู่ที่วัดแถวๆ ราชบุรี ท่านเป็นพระสายอาจารย์มั่น
จินดารัตน์ - แต่ที่เขาตัดต่อนี่แหม
สนธิ - ดูมือก็รู้ว่ามือเหี่ยว
กาญจนา - ไม่แล้วดูหัวใหญ่มาก
สนธิ - หัวใหญ่มาก รู้สึกจะมีอีกรูปไม่รู้เขาหาเจอหรือเปล่า
จินดารัตน์ - ไม่มีแล้วนะคะ
สนธิ - แอน รูปนี้ผมเห็นมานานแล้ว จุ๊ ไม่ใช่เพิ่งเห็น ผมเฉยๆ เหมือนกับที่มันบอกว่าผมรับเงินทักษิณมา มันพูดมาตั้งนานแล้ว ที่ออฟฟิศผม ผู้หลักผู้ใหญ่บางคน หรือว่าผู้หลักผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือกัน ก็เตือนมา หรือแม้ว่า อ.จันทร์ทิพย์ ก็เตือนว่า นี่เธอไม่ออกมาแก้ข่าวบ้างเหรอ เดี๋ยวคนมันจะเชื่อนะ อยากเชื่อก็เชื่อไปสิ ผมคิดในใจนะ ไม่รู้จะไปแก้ทำไม ไม่ต้องไปเดือดร้อนสิ มันไม่จริง เมื่อไม่จริงจะไปเดือดร้อนทำไม คือ เราใช้หลักธรรมเป็นตัวกำกับตัวเรา เมื่อไม่จริงก็คือไม่จริง ไม่ต้องเดือดร้อน เหมือนพระพุทธเจ้า ผมไม่ได้เปรียบตัวเหมือนพระพุทธเจ้า แต่ผมคิดว่าสิ่งที่ท่านทำนั้น คือธรรมที่สอนเรามา รู้จักนางจิญจายะมั้ย
จินดารัตน์ - ค่ะ
สนธิ - นางจิญจายะ เป็นลูกศิษย์ของพราหมณ์ พราหมณ์องค์นี้โกรธที่พระพุทธเจ้าดึงสาวกของพราหมณ์ ไปฟังธรรม จนกระทั่งสำนักพราหมณ์ไม่มีคนเข้า ก็เลยสมคบกับนางจิญจายะ ให้นางจิญจายะเอาท่อนไม้วางที่พุง เอาผ้าพัน แล้วก็ไปยืนชี้หน้าพระพุทธเจ้า ด่าพระพุทธเจ้า ว่าทำนางจิญจายะท้องแล้วไม่รับผิดชอบ พระพุทธเจ้าท่านก็เฉย ท่านไม่ว่าอะไร เพราะท่านไม่ได้ทำ ท่านรู้ว่านางจิญจายะโกหก ท่านก็ปล่อย แล้วเทวดาก็เลยดลบันดาลให้ท่อนไม้หล่นจากท้องไป คนก็เลยรู้ความจริง เหมือนกัน เหมือนสมัยที่พวกแมลงสาบ พวกพรรคประชาธิปัตย์ มาใส่ร้ายผมว่าผมรับเงินทักษิณ ตั้งแต่สมัยโหวตโน เชื่อกันหมด อาซ้ง อาซ้อ แถวเยาวราช อ๊า! สงธิ อั๊วไม่เชื่อมังหรอก มังไปรับเงินทักษิณ พูดจนเข้าหูผม คุณสนธิ เล่าให้เจ๊ฟัง ไม่ต้องเล่าหรอก ถ้าอาเจ๊อีเชื่ออย่างนั้นให้อีเชื่อไปเถอะ อย่าไปเปลี่ยนความเชื่ออี มาเรื่อย มาเรื่อย จนกระทั่งมาถึงวันนี้ความจริงก็เลยปรากฏว่า แท้ที่จริงแล้วสนธิไม่ได้รักเงินทักษิณ
จินดารัตน์ - อีกสนธินึง
สนธิ - อีกสนธินึง สนธิ บัง ใช่ไหม ก็ปรากฏว่า คำถามมีอยู่ว่า จากวันที่มันด่าว่าเราทำอะไรแล้วเราไม่ได้ทำ จนกระทั่งวันที่ความจริงปรากฏเนี้ยะ ช่วงระยะเวลาช่วงนี้ เป็นบททดสอบตบะคน เราผ่านได้หรือเปล่า เราสอบผ่านได้ไหม เราสติแตกไหม เราออกมาโต้ข่าวทุกวันไหม เราใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว เราเฉย เฮ้ยคุณเชื่อหรอ คุณเชื่อคุณก็เชื่อไป อย่างมากที่สุดแรงที่สุดที่ผมพูดก็คือว่า ถ้าคุณเชื่อเพียงข้อมูลที่เขาบอกว่า ผมรับเงินทักษิณแล้วคุณเชื่อเขา คุณไม่ใช่พวกผมหรอก คุณไปไหนก็ไป ไปห่างๆ ผมเลย แล้วไม่ต้องกลับมาอีก นั่นคือแรงที่สุด แต่อย่างธรรมดาแล้วก็เฉย แอนกี่ปีแล้วปีนั่น 2 ปีกว่า
จินดารัตน์ - ใช่ค่ะ
สนธิ - 2 ปีกว่า จุ๊มันพูดเช้าเย็น
กาญจนา - พูดได้ทุกประเด็น โยงได้หมด
สนธิ - พูดได้ทุกประเด็น แล้วไอ้ตัดต่อของไอ้คำนี่ก็สาวกพรรคประชาธิปัตย์ทำ มีอะไรอีกไหมพวกมึงรีบๆ ทำออกมาหน่อย สบายนักหรอ
จินดารัตน์ - เวลายิ่งน้อยๆ
สนธิ - เวลายิ่งน้อยๆ อยู่ด้วย ไอ้พวกแมลงสาบ
กาญจนา - แต่บางคนเขาก็รู้ในทันทีว่า ภาพนี้คือดูด้วยตาทราบว่า ตัดต่ออยู่แล้ว คืออย่าง Manager ตามคุ้ยตามไปถึงสหรัฐอเมริกาไปดูสิว่า บ้านเณรคำที่นั่นเป็นไง คือถ้าเปรียบเทียบดูข้อมูลศึกษาปุ๊บ รู้ได้คิดเองได้ว่า มันไม่ใช่จริงๆ
จินดารัตน์ - อีกเรื่องนึงที่เป็นเรื่องเศร้าของนักกีฬาไทย และประเทศไทยนะคะ อาร์ตกับเอไล่ชกกันในสนามในรอบชิง ที่แคนาดา กลับมาแล้วค่ะคุณสนธิ คนหนึ่งไม่กล้าสู้หน้านักข่าว อีกคนก็สู้หน้านักข่าวแล้วก็ขอโทษในสิ่งที่เกิดขึ้น นี่มันก็เป็นความเสื่อมทรามอย่างหนึ่งของสังคมที่มันไม่รู้จะเอาปี๊บคลุม
สนธิ - มันเกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะระบบปัจจุบันมันทำให้เกิดขึ้น ซึ่งทั้งหมดทั้งน้องปันปัน ธรรมกาย นักกีฬา หลายเรื่อง เดี๋ยวจะอธิบายให้ฟังว่าเป็นอย่างไร แล้วมันจะถูกโยงกลับเข้ามาสู่จุดยืนของผม ในเรื่อง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม
จินดารัตน์ - งั้นเดี๋ยวช่วงหน้ากลับมาคุยกันเรื่องนี้นะคะ เพราะเป็นเรื่องใหญ่ หลายคนกำลังรอฟังคำตอบจากพันธมิตรฯ หรือแม้แต่ส่วนตัวคุณสนธิเองนะคะ พักกันสักครู่ค่ะ
คลิก! อ่านต่อ