รองเลขาฯ สำนักพระราชวัง แจงงบ 3,219 ล้าน ถวายงานพระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์ จัดพระราชพิธี กองทุนวัดหลวง ทรัพย์สิน บูรณะเครื่องราชฯ และโครงการพระราชดำริ ด้านโฆษก กมธ.งบปี 57 คาดถกเสร็จศุกร์นี้ ชงเข้าสภากลางสิงหา
วันนี้ (24 ก.ค.) ที่รัฐสภา การประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงปบระมาณ 2557 มี นายวิทยา บุรณศิริ รองประธานคณะกรรมาธิการ ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม โดยเป็นการพิจารณางบประมาณของส่วนราชการในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวง หรือทบวง ในส่วนของสำนักพระราชวัง วงเงิน 3,219,275,100 บาท (วงเงินกว่า 3,219 ล้านบาท) โดย นายดิสธร วัชโรทัย รองเลขาธิการสำนักพระราชวัง เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการว่า งบประมาณที่ได้รับจะใช้ในการปฏิบัติงานถวายแด่องค์พระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์ จัดงานพระราชพิธี งานพิธี งานพระราชกุศลต่างๆ จัดการกองทุนและผลประโยชน์ทรัพย์สินของวัดหลวงที่อยู่ในความรับผิดชอบ ตลอดจนทรัพย์สินของพระบรมวงศานุวงศ์ ดูแลรักษาและบูรณะซ่อมแซมเครื่องราชภัณฑ์ เครื่องราชูปโภค พระราชฐาน ตลอดจนปูชนียสถานต่างๆ ดำเนินงานโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา และโครงการพระราชดำริอื่นๆ รวมทั้งพัฒนาระบบบริหารจัดการ โดยยึดหลักธรรมาภิบาลและปฏิบัติการตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อให้เป็นไปตามแผนงานเทิดทูนพิทักษ์และรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อให้สำนักพระราชวัง เป็นหน่วยงานที่มีภาพลักษณ์ที่ดี มีความพร้อมในการปฏิบัติงานถวายแด่พระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์ ทั้งงานราชการแผ่นดิน และงานส่วนพระองค์ เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ สามารถรองรับต่อการเปลี่ยนแปลง ตลอดจนเผยแพร่พระเกียรติคุณ เพื่อธำรงไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์สืบต่อไป
จากนั้นเป็นการพิจารณางบประมาณของกระทรวงอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ส่วนของสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม วงเงินกว่า 300 ล้านบาท โดยงบประมาณจะนำไปใช้ในการศึกษาวิเคราะห์ กำหนดนโยบายและแนวทางตลอดจนมาตรฐานในการพัฒนาด้านอุตสาหกรรม ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาล ได้รับการจัดสรรงบประมาณกว่า 700 ล้านบาท ในการส่งเสริมอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย ให้มีการพัฒนาอย่างยั่งยืนและสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก ตลอดจนกำกับดูแลเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ชาวไร่อ้อยโรงงานน้ำตาลและผู้บริโภค
ทางด้าน นายสัมภาษณ์ อัตถาวงศ์ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ในฐานะโฆษก กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 แถลงความคืบหน้าในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 57 ว่า ขณะนี้ใช้เวลามาแล้วทั้งสิ้น 260 ชั่วโมง จากระยะเวลาที่วางไว้ 288 ชั่วโมง คิดเป็นร้อยละ 90.3 และได้หน่วยงานไปแล้วทั้งสิ้น 293 หน่วยงาน จาก 465 หน่วยงาน คิดเป็นร้อยละ 63 คงเหลือหน่วยงานที่ยังไม่พิจารณา 172 หน่วยงาน โดยยังเหลือเวลาอีก 28 ชั่วโมง ขณะนี้วงเงินผ่านการพิจารณาไปแล้วทั้งสิ้น 1,909,198 ล้านบาท จากวงเงิน 2,525,000 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 75.6 อย่างไรก็ตาม ในภาพรวม คณะอนุ กมธ.ทั้ง 5 คณะ ได้มีการปรับลดล่าสุดอยู่ที่ 17,144 ล้านบาท ทั้งนี้ คณะ กมธ.งบประมาณชุดใหญ่ คาดว่าพิจารณางบประมาณทั้งหมดแล้วเสร็จในวันที่ 26 ก.ค.นี้ จากนั้นในวันที่ 29 ก.ค. เวลา 13.00 น.จะเปิดให้ผู้สงวนคำแปรญัตติมาชี้แจงต่อ กมธ.ส่วนจะส่งรายงานเสนอประธานสภาเมื่อไหร่ ตรงนี้จะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุดโดยเอกสารจะเสร็จสมบูรณ์ และถูกต้อง 100% และหากไม่มีอะไรติดขัด คาดว่าจะนำเข้าสู่การประชุมสภาในระหว่างวันที่ 14 -15 ส.ค.พิจารณาวาระ 2-3 ต่อไป เพราะมีกรอบระยะเวลาบังคับใช้งบประมาณให้ทันวันที่ 1 ต.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวถามว่าในส่วนการปรับลดของอนุ กมธ.จะเน้นไปที่เรื่องอะไร นายสัมภาษณ์ กล่าวว่า ภาพรวมจะปรับลดที่ไม่ใช่เรื่องงบลงทุนในโครงการสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะอุปกรณ์ไอซีที ที่ซื้ออุปกรณ์ที่ทันสมัยเกินความจำเป็น รวบถึงงบอบรมสัมมนา โดยจะดูจากสถิติในปีที่ผ่านมา ว่าหน่วยงานใดนำเงินไปใช้ที่ไม่เกิดประสิทธิภาพ และหากชี้แจงไม่ได้ก็จะปรับลดทันที
วันนี้ (24 ก.ค.) ที่รัฐสภา การประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงปบระมาณ 2557 มี นายวิทยา บุรณศิริ รองประธานคณะกรรมาธิการ ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม โดยเป็นการพิจารณางบประมาณของส่วนราชการในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวง หรือทบวง ในส่วนของสำนักพระราชวัง วงเงิน 3,219,275,100 บาท (วงเงินกว่า 3,219 ล้านบาท) โดย นายดิสธร วัชโรทัย รองเลขาธิการสำนักพระราชวัง เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการว่า งบประมาณที่ได้รับจะใช้ในการปฏิบัติงานถวายแด่องค์พระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์ จัดงานพระราชพิธี งานพิธี งานพระราชกุศลต่างๆ จัดการกองทุนและผลประโยชน์ทรัพย์สินของวัดหลวงที่อยู่ในความรับผิดชอบ ตลอดจนทรัพย์สินของพระบรมวงศานุวงศ์ ดูแลรักษาและบูรณะซ่อมแซมเครื่องราชภัณฑ์ เครื่องราชูปโภค พระราชฐาน ตลอดจนปูชนียสถานต่างๆ ดำเนินงานโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา และโครงการพระราชดำริอื่นๆ รวมทั้งพัฒนาระบบบริหารจัดการ โดยยึดหลักธรรมาภิบาลและปฏิบัติการตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อให้เป็นไปตามแผนงานเทิดทูนพิทักษ์และรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อให้สำนักพระราชวัง เป็นหน่วยงานที่มีภาพลักษณ์ที่ดี มีความพร้อมในการปฏิบัติงานถวายแด่พระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์ ทั้งงานราชการแผ่นดิน และงานส่วนพระองค์ เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ สามารถรองรับต่อการเปลี่ยนแปลง ตลอดจนเผยแพร่พระเกียรติคุณ เพื่อธำรงไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์สืบต่อไป
จากนั้นเป็นการพิจารณางบประมาณของกระทรวงอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ส่วนของสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม วงเงินกว่า 300 ล้านบาท โดยงบประมาณจะนำไปใช้ในการศึกษาวิเคราะห์ กำหนดนโยบายและแนวทางตลอดจนมาตรฐานในการพัฒนาด้านอุตสาหกรรม ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาล ได้รับการจัดสรรงบประมาณกว่า 700 ล้านบาท ในการส่งเสริมอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย ให้มีการพัฒนาอย่างยั่งยืนและสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก ตลอดจนกำกับดูแลเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ชาวไร่อ้อยโรงงานน้ำตาลและผู้บริโภค
ทางด้าน นายสัมภาษณ์ อัตถาวงศ์ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ในฐานะโฆษก กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 แถลงความคืบหน้าในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 57 ว่า ขณะนี้ใช้เวลามาแล้วทั้งสิ้น 260 ชั่วโมง จากระยะเวลาที่วางไว้ 288 ชั่วโมง คิดเป็นร้อยละ 90.3 และได้หน่วยงานไปแล้วทั้งสิ้น 293 หน่วยงาน จาก 465 หน่วยงาน คิดเป็นร้อยละ 63 คงเหลือหน่วยงานที่ยังไม่พิจารณา 172 หน่วยงาน โดยยังเหลือเวลาอีก 28 ชั่วโมง ขณะนี้วงเงินผ่านการพิจารณาไปแล้วทั้งสิ้น 1,909,198 ล้านบาท จากวงเงิน 2,525,000 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 75.6 อย่างไรก็ตาม ในภาพรวม คณะอนุ กมธ.ทั้ง 5 คณะ ได้มีการปรับลดล่าสุดอยู่ที่ 17,144 ล้านบาท ทั้งนี้ คณะ กมธ.งบประมาณชุดใหญ่ คาดว่าพิจารณางบประมาณทั้งหมดแล้วเสร็จในวันที่ 26 ก.ค.นี้ จากนั้นในวันที่ 29 ก.ค. เวลา 13.00 น.จะเปิดให้ผู้สงวนคำแปรญัตติมาชี้แจงต่อ กมธ.ส่วนจะส่งรายงานเสนอประธานสภาเมื่อไหร่ ตรงนี้จะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุดโดยเอกสารจะเสร็จสมบูรณ์ และถูกต้อง 100% และหากไม่มีอะไรติดขัด คาดว่าจะนำเข้าสู่การประชุมสภาในระหว่างวันที่ 14 -15 ส.ค.พิจารณาวาระ 2-3 ต่อไป เพราะมีกรอบระยะเวลาบังคับใช้งบประมาณให้ทันวันที่ 1 ต.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวถามว่าในส่วนการปรับลดของอนุ กมธ.จะเน้นไปที่เรื่องอะไร นายสัมภาษณ์ กล่าวว่า ภาพรวมจะปรับลดที่ไม่ใช่เรื่องงบลงทุนในโครงการสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะอุปกรณ์ไอซีที ที่ซื้ออุปกรณ์ที่ทันสมัยเกินความจำเป็น รวบถึงงบอบรมสัมมนา โดยจะดูจากสถิติในปีที่ผ่านมา ว่าหน่วยงานใดนำเงินไปใช้ที่ไม่เกิดประสิทธิภาพ และหากชี้แจงไม่ได้ก็จะปรับลดทันที