“พล.อ.อ.วีรวิท” ยังไม่เชื่อผู้นำเหล่าทัพยอมขายตัวให้ฝ่ายการเมืองจริง เผยสภากลาโหมมีอำนาจดูหมายเฉพาะที่เกี่ยวกับการใช้กำลังทหารเท่านั้น หากนอกเหนือจากนี้จะเป็นเพียงการสอบถามความเห็นแบบไม่เป็นทางการ พร้อมแนะ “ยุทธศักดิ์” รับความจริงว่าอยู่วงการทหาร-การเมืองไม่ได้อีกแล้ว ด้าน “พิชาย” แนะนายกฯ ปล่อย รมช.กลาโหมลาออกเพื่อลดความกดดัน เตือนหากปล่อยไว้กระทบรัฐบาลแน่
วันที่ 10 ก.ค. พล.อ.อ.วีรวิท คงศักดิ์ ส.ว.สรรหา และประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาปฏิรูประบบงานความมั่นคงของรัฐ และ รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองคณบดีคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ทางเอเอสทีวี ถึงประเด็น “กองทัพกับการเมือง”
โดย พล.อ.อ.วีรวิทกล่าวถึงคลิปเสียงสนทนาของคน 2 คนว่า ตนฟังแล้วตกใจเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในประเทศไทยได้อย่างไร สกปรกที่สุดในระบบการเมืองประเทศไทย และสิ่งที่น่าเกลียดที่สุด คือ การเอาตำแหน่งหลังเกษียณมาล่อให้ทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด ถ้าเป็นเรื่องจริงถือว่ารัฐบาลติดสินบนข้าราชการ ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายเพราะเป็นการคอร์รัปชันอย่างหนึ่ง
ทหารเป็นทหารในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงเป็นจอมทัพไทย ในอดีตตนเคยได้เกี่ยวข้องกับการทำบัญชีโยกย้ายแต่งตั้งทหาร ทุกครั้งที่ทำต้องคิดเสมอว่าเราทำให้องค์จอมทัพไทย ฉะนั้นต้องเลือกคนที่ดีที่สุด เรื่องความมั่นคงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเสี่ยงให้คนเข้ามาทดลองปฏิบัติงานได้ ต้องใช้คนที่มีความเป็นผู้นำสูง ฉะนั้นถ้ามีอะไรเข้ามารบกวนการแต่งตั้ง ไม่มีประเทศไหนรับได้
พล.อ.อ.วีรวิทกล่าวต่อว่า ผู้นำเหล่าทัพที่ถูกพาดพิง ตนยังไม่เชื่อว่าท่านอยู่ภายใต้การครอบงำ เคยทำงานร่วมกันมาเชื่อว่าท่านไม่น่าทำเพื่อแลกกับอามิสสินจ้าง จนกระทั่งบัดนี้ตนก็ยังไม่เชื่อ ส่วนที่บอกว่าปี 57 ผู้นำเหล่าทัพจะเกษียณพร้อมกันหมด จะเป็นการเปลี่ยนทหารครั้งใหญ่ กระบวนการตรงนี้ต้องดูว่าใครจะขึ้นมา แต่ตนก็ยังเชื่อว่าคนในกองทัพยังจงรักภักดี คิดถึงบ้านเมืองมากกว่าอามิสสินจ้าง เพราะเราเป็นนักรบอาชีพ ตนไม่เชื่อว่าหารน้องๆ จะหลงไปกับอามิสสินจ้าง หรือรางวัลที่ตัวเองจะได้ในอนาคต
พล.อ.อ.วีรวิทกล่าวอีกว่า ตนอยากให้ผู้นำเหล่าทัพยืนยันว่าท่านปฏิบัติหน้าที่ตามข้อบังคับระเบียบของทหาร โดยการทำบัญชีโยกย้ายด้วยการเลือกคนที่ดีที่สุด ถ้าเสนอบัญชีที่ดีแล้ว และมีการเปลี่ยนแปลงในระดับกระทรวง สังคมต้องดูถึงเหตุผลของการเลือกว่าเป็นอย่างไร ที่แน่ๆ ผู้นำเหล่าทัพมีหน้าที่สั่งคนไปรบ ฉะนั้นต้องเป็นคนที่มีบารมี ได้รับการยอมรับจากคนในกองทัพ ในอดีตเคยมีคนที่กองทัพไม่ยอมรับขึ้นมา อยู่ได้ปีเดียวก็ต้องไป เพราะสั่งการรบแล้วไม่มีใครฟัง แล้วเป็นความเสี่ยงของประเทศ ถ้าผู้นำทหารไม่สามารถแก้ปัญหาบ้านเมืองได้
ส.ว.สรรหากล่าวถึงการออกกฎหมายของสภากลาโหมว่า สภากลาโหมมีอำนาจหน้าที่พิจารณาแผนการยุทธ์และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการใช้กำลังทหาร นอกเหนือจากนี้สภากลาโหมไม่มีอำนาจอนุมัติได้ ถ้าเอาเข้ามาก็เป็นการพูดคุยกันปกติ เป็นการสอบถามความเห็นที่ไม่เป็นทางการ ไม่ถือว่าเป็นมติสภากลาโหม
พล.อ.อ.วีรวิทยังกล่าวอีกว่า การตัดสินใจจะลาออกของ พล.อ.ยุทธศักดิ์ หลังคลิปหลุดนั้นถูกต้อง เมื่อลาออกเรื่องนี้จบ ทุกคนยอมรับว่าท่านแสดงความรับผิดชอบ แล้วจบไป เป็นความผิดเฉพาะตัว แต่การใช้ความนิ่งสยบความเคลื่อนไหวทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์มากขึ้น กลายเป็นว่ารัฐบาลรู้เห็นเป็นใจ และต้องรับผิดชอบ ซึ่งยิ่งนานวันจะยิ่งเข้าถึงตัวรัฐบาลมากขึ้น และแก้ตัวได้ยาก แต่ถ้าทำเรื่องให้สั้นจบเร็ว ทุกอย่างจะดีขึ้น
หากรอ ผบ.เหล่าทัพออกแถลงจุดยืน ซึ่งก็ยังไม่รู้จะแถลงอย่างไร ถ้าแถลงสิ่งที่ไม่เป็นคุณกับรัฐบาลก็จะเกิดกระแสการเมืองที่แรงมาก ว่าทหารไม่ยอมสิ่งนี้ เมื่อทหารไม่ยอมจะนำไปสู่อะไรต่อ มันจะเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องนี้รัฐบาลต้องทำให้จบเร็วที่สุด รวมถึงกรณีที่โฆษกพรรคเพื่อไทยที่ออกมาพูดช่วยแก้ตัว ยิ่งเป็นการเอาพรรคเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ออกมาช่วยกันมากๆ กลายเป็นการสมคบคิด แล้วจะโยงเป็นเรื่องเสียหายต่อรัฐบาล
ส่วน ผบ.เหล่าทัพ หลังจากนี้ไปต้องระมัดระวัง ต้องรักษาระยะห่างกับฝ่ายการเมืองพอสมควร ที่สำคัญ พล.อ.ยุทธศักดิ์อยู่กับทหารยากแล้ว เพราะไม่สามารถไว้ใจกันได้แล้ว หลายคนที่เคยเคารพนับถือก็จบหมดแน่นอน ถ้าบอกว่าถูกตัดต่อต้องพิสูจน์ให้ได้ แต่วันนี้ไม่พูดอะไรเลยเหมือนยอมรับไปแล้ว
สิ่งที่สำคัญนายกฯ ต้องตัดสินใจ พรุ่งนี้ (11 ก.ค.) นายกฯ พบ ผบ.เหล่าทัพ หาโอกาสคุยกัน แล้วทางเลือกให้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ลาออก เป็นทางออกที่ดีที่สุด แล้ว พล.อ.ยุทธศักดิ์ต้องยอมรับแล้วว่าวันนี้อยู่ในวงการนี้ไม่ได้แล้ว ทั้งวงการทหารและการเมือง เพราะเรื่องนี้ร้ายแรงมาก ทำลายทุกระบบของสังคมไทย ทางที่ดีนายกฯ ต้องกล้าตัดสินใจ เพราะหากเรื่องนี้ยิ่งจบช้ารัฐบาลจะยิ่งลำบาก
นายพิชายกล่าวถึงคลิปเสียงว่า เป็นการสะท้อนความจริงของการเมืองไทยได้อย่างชัดเจนมาก ที่มุ่งเน้นแต่เรื่องอำนาจ ผลประโยชน์ตัวเองและพวกพ้อง เห็นธาตุแท้นักการเมือง และท้ายที่สุดก็ไม่พ้นเรื่องตัณหา ราคะ และไสยศาสตร์ แต่ที่แทบไม่พูดถึงกันเลยคือผลประโยชน์ของประเทศชาติ ในคลิปมีการเกริ่นถึงสถานการณ์ในภาคใต้ โดยเรียกทหารว่า “ไอ้” แล้วพอพูดเสร็จ คู่สนทนาก็ไม่สนใจ ดันไปสนใจเรื่องความแข็งแรงของร่างกาย เขาไม่แยแสชีวิตทหารที่ทำเพื่อประเทศชาติเลย
ทางการเมืองนั้นหากคลิปออกมาอย่างนี้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ต้องลาออกทันที วันแรกๆ มีข่าวว่าจะลาออก แต่นายกฯ รั้งไว้ ซึ่งน่าแปลกใจ ถ้าตนเป็นนายกฯ ให้ออกไปแล้ว เป็นการผ่อนความกดดันลงไปได้หน่อย แต่คงมองเกมการเมืองไม่ทะลุ อาจไม่เข้าใจว่าผลกระทบตามมาจะมากขนาดไหน เลยยับยั้งให้อยู่ก่อน ซึ่งผลของมันต่อไปอาจกระทบต่อรมว.กลาโหม และรัฐบาลในท้ายที่สุดก็ได้
นายพิชายกล่าวต่อว่า ตอนนี้กองทัพมีทางเลือก ดังนี้ 1. ไม่ทำอะไรเลย ปล่อยให้เรื่องหายไป ทางนี้สังคมจะตั้งคำถามและกดดันกองทัพมากขึ้นทุกวันๆ ในที่สุดกองทัพก็ต้องแสดงอะไรบางอย่างออกมา ทางนี้ถือว่าไม่ดี 2. คุยกับนายกฯ ชี้แจงให้ฟังว่าเรื่องนี้สร้างความเสียหายต่อกองทัพ แล้วให้นายกฯยอมรับการลาออกของ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ทางเลือกนี้เป็นไปได้สูง ให้รับผิดชอบไปคนเดียวโดยตรง 3. กองทัพไม่พูดกับนายกฯโดยตรงแต่พูดผ่านสื่อ แล้วบอกว่ากองทัพได้เสียหายจากการพูดของ พล.อ.ยุทธศักดิ์ แล้วกองทัพยื่นข้อเสนอให้ปลดรมช.กลาโหมออก จะเป็นท่าทีที่กองทัพรุกรัฐบาล ทำให้รัฐบาลตกที่นั่งลำบาก เพราะถ้าทำตามที่กองทัพเสนอ เสื้อแดงอาจไม่พอใจเพราะมองว่ารัฐบาลหงอกับกองทัพ แต่ถ้าไม่ทำก็ร่วมงานกับกองทัพไม่ได้ เกิดความห่างเหินกัน แล้วจะนำไปสู่อะไรก็ยากที่จะคาดเดา ทางเลือกที่ 3 นี้อาจเป็นไปได้ หากกองทัพคุยแล้วนายกฯไม่รู้เรื่อง