“วราเทพ” พบข้าวจำนำฤดูกาล 3 ยังไม่คำนวณกำไรขาดทุนอีก 2.5 ล้านตันข้าวสาร คิดเป็นเงิน 4 หมื่นล้าน ส่งผลยอดขาดทุนเหลือ 2.2 แสนล้าน สั่งอนุฯ ปิดบัญชีประชุมยืนยันตัวเลขด่วน เช้า 16 มิ.ย.นี้ ก่อนนำเข้าที่ประชุม กขช.บ่ายวันเดียวกัน
วันที่ 15 มิ.ย. นายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้มีหน้าที่ประสานและรวบรวมข้อมูลโครงการรับจำนำข้าว กล่าวว่า จากการสรุปตัวเลขขาดทุนใน 2 โครงการรับจำนำข้าวคือ ข้าวเปลือกนาปี 2554/2555 และนาปรัง 2555 อยู่ที่ 136,908 ล้านบาท ล่าสุดส่วนที่ 3 ข้าวเปลือกฤดูกาล 2555/2556 ณ วันที่ปิดบัญชี 31 ม.ค. 2556 มีการตรวจสอบแล้วพบว่า มีข้าวเปลือกเข้าโครงการ 9.9 ล้านตัน ขณะที่อนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว ที่มี น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ระบุ ณ วันที่ 31 ม.ค. 56 ว่า ข้าวเปลือก 9.9 ล้านตัน มีการใช้เงินไป 155,000 ล้านบาท ขาดทุนไปถึง 84,000 ล้านบาท เพราะมีข้าวสารเพียง 1.7 ล้านตัน ขณะที่ข้าวเปลือกเหลืออยู่ 2.9 ล้านตัน ดังนั้นถ้า ณ วันที่ 31 ม.ค. ข้าวเปลือกที่เอาไปสีแปรสภาพแล้วต้องเป็น 7 ล้านตัน เมื่อแปรสภาพแล้วจะได้ข้าวสารประมาณ 4 ล้านตันเศษ ตามสัดส่วนเมื่อแปรสภาพข้าวเปลือกจะเหลือเป็นข้าวสาร 60 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักข้าวเปลือก แต่ในหนังสือของอนุกรรมการปิดบัญชี มีข้าวสารเพียง 1.7 ล้านตัน ทำให้การขาดทุนสูงถึง 84,000 ล้านบาท ถือว่ามีความผิดปกติ ตนจึงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปทำตัวเลขมายืนยัน
นายวราเทพกล่าวต่อว่า ทางองค์การคลังสินค้า (อคส.) ได้ยืนยันมาแล้วว่า ส่วนที่ 3 ยังไม่มีการนำตัวเลขไปบันทึกการคำนวณกำไร ขาดทุนอีก 2.5 ล้านตันข้าวสาร ซึ่งเป็นข้าวที่อยู่ในขั้นตอนการแปรสภาพเป็นข้าวสาร เมื่อตัวเลขยังไม่บันทึกทำให้รัฐยังมีเงินอยู่ในข้าวสารอีก 2.5 ล้านตัน คำนวณเป็นตัวเงินในอนุกรรมการปิดบัญชีเป็นเงิน 3-4 หมื่นล้านบาท เมื่อเอาไปคำนวณในตัวเลขขาดทุนที่ 84,000 ล้านบาท ตามตัวเลขของ น.ส.สุภา จึงขาดทุนไม่ถึง 2.6 แสนล้านบาทตามที่ฝ่ายค้านนำไปพูด
“ตัวเลขที่หลุดออกไปยังไม่ได้มีการยอมรับจากคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ข้อเท็จจริงคือหน่วยงานที่ดูแลสต๊อกข้าวยืนยันยังไม่มีการบันทึกตัวเลขข้าวที่มาคำนวณกำไรขาดทุนอีก 2.5 ล้านตันข้าวสาร ทำให้การขาดทุนไม่สูงถึง 2.6 แสนล้านบาท ตามที่อนุปิดบัญชีบันทึกแล้วถูกบุคคลภายนอกออกไปอ้างอิง”
นายวราเทพกล่าวต่อว่า ตนจึงให้ทาง อคส.ทำหนังสือไปยังอนุกรรมการปิดบัญชีแล้ว และสั่งให้อนุกรรมการปิดบัญชีเรียกประชุมเป็นการด่วนวันที่ 16 มิ.ย.เวลา 09.30 น.ที่กระทรวงการคลัง เพื่อพิจารณายืนยันตัวเลขข้าวสารที่ยังไม่มีการบันทึกในบัญชีอีก 2.5 ล้านตัน เพื่อได้ให้ข้อสรุปตัวเลขที่ชัดเจนทั้ง 3 ฤดูกาล ก่อนการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ช่วงบ่ายวันเดียวกัน ที่กระทรวงพาณิชย์ และตนถูกเชิญให้เข้าประชุมเพื่อให้ข้อมูลตัวเลขด้วย โดยตนจะต้องได้ตัวเลขจากอนุกรรมการปิดบัญชีช่วงเข้า ก่อนเข้าประชุม กขช.จากนั้นก็จะมีการแถลงข่าว
นายวราเทพกล่าวว่า จากตัวเลขที่ไม่ได้มีการบันทึก 2.5 ล้านตันข้าวสาร รัฐบาลไม่สามารถไปตบแต่งตัวเลขได้ ดังนั้นตัวเลขขาดทุน ณ วันที่ 31 ม.ค. 56 จึงไม่ถึง 2.6 แสนล้านบาท ลดไป 4 หมื่นล้านบาท และถ้าคิดแบบของกระทรวงพาณิชย์ตัวเลขขาดทุนก็จะลดไป 6 หมื่นล้านบาท เพราะกระทรวงพาณิชย์คิดในราคาต้นทุน โดยไม่เกี่ยวกับตัวเลขขาดทุนหลังจากวันที่ 31 ม.ค.อย่างที่ฝ่ายค้านอ้างแน่นอน หากได้ตัวเลขที่แน่นอนแล้ว ในเบื้องต้นจะต้องมีการรายงานนายกฯ ก่อนที่จะเข้าประชุม ครม.วันที่ 18 มิ.ย.นี้ เพราะจะต้องมีหนังสืออย่างเป็นทางการถึงนายกฯ ในการนำเข้าที่ประชุม ครม. ดังนั้นวันอังคารนี้ ก็จะได้เห็นตัวเลขที่ชัดเจน การทำงานใน 1 สัปดาห์ของตนจึงถือว่าไม่ช้า
นายวราเทพกล่าวว่า ส่วนการปรับปรุงกลไกรับจำนำข้าวนั้นต้องทำแน่นอน เพื่อลดรายจ่าย ป้องกันการรั่วไหล แต่หลักเกณฑ์การรับจำนำ ปริมาณ ราคา ที่เกษตรกรจะได้รับ จะนำมาพิจารณาเมื่อมีการปรับปรุงหลักเกณฑ์อุดช่องว่างแล้วถ้ามีความจำเป็น หากยังไม่มีความจำเป็นก็ยืนยันตามนโยบายที่ปฏิบัติมา ตัวเลขนี้รัฐไม่ได้มองการขาดทุน แต่รัฐบาลมองผลประโยขน์ตกถึงมือเกษตรกรและส่วนรวมเป็นหลัก และจากการฟังความเห็นผู้ประกอบการในพื้นที่ โรงสี ผู้ส่งออก ก็อยากรัฐดำเนินการไปตามกลไกที่สมบูรณ์ ให้คนทำธุรกิจส่งออก ซื้อข้าว ขายข้าว ดำเนินการไปได้ คู่ไปกับการที่เกษตรกรได้รับประโยชน์เพียงพอ ส่วนการทุจริตหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำมาตลอด และเป็นอีกหนึ่งที่จะนำไปปรับแก้กลไก
เมื่อถามว่า มีการมองว่าจากปัญหาจากการรับจำนำข้าว อาจทำให้นายกฯ ตัดสินใจปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรีเร็วขึ้น นายวราเทพ กล่าวว่าอยู่ที่นายกฯ พิจารณา ไม่สามารถบอกได้ว่าปัญหารับจำนำข้าวจะทำให้มีการปรับ ครม.หรือไม่ เพราะเวลานี้ตัวนายกฯ เองยังไม่บอกเลย คนอื่นคงบอกแทนไม่ได้ว่าจากปัญหาตรงนี้จะนำไปสู่การปรับ ครม.หรือไม่
รายงานข่าวแจ้งว่า ตามตัวเลขการคำนวณของอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว ยอดการขาดทุน ณ วันที่ 31 ม.ค. 2556 อยู่ที่ 2.6 แสนล้านบาท ซึ่งหากตัวเลขปริมาณข้าวสารที่ยังไม่นำมาคำนวณมีอยู่ 2.5 ล้านตัน คิดเป็นเงิน 4 หมื่นล้านบาท ตามที่นายวราเทพกล่าวอ้าง เมื่อนำมาหักออกไป ยอดการขาดทุนในโครงการจำนำข้าวก็จะอยู่ที่ 2.2 แสนล้านบาท ซึ่งก็ยังเป็นตัวเลขที่สูงอยู่ดี
