ผู้บัญชาการทหารบก ประธานวันสถาปนาเหล่าทหารสื่อสารครบ 89 ปี รับภัยคุกคามทางเทคโนโลยีปัญหาใหญ่ สั่งพร้อมให้แสงสว่างแก่ประเทศ ยกตัวอย่างใต้ไฟดับ ใช้ชื่อหน่วยทหารสายฟ้าช่วยประชาชน ระบุนายกฯ นัดคุยปกติ ไม่ได้จ้อการเมือง เน้นแจงเหตุใต้ ไม่ถกโยกย้าย ยันสัมพันธ์กองทัพดี บอกใครจะตีไปตีกันข้างทาง โยนนิรโทษฯ ทำได้ก็ทำไป ไม่ต้องมาถาม พร้อมดูแลลูกน้องให้เกิดความสบายใจ
วันนี้ (27 พ.ค.) ที่กรมการทหารสื่อสาร เมื่อเวลา 09.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. เป็นประธานวันสถาปนาเหล่าทหารสื่อสาร ครบรอบปีที่ 89 พร้อมกับให้โอวาทว่า กำลังพลของกรมสื่อสารได้มีการพัฒนา ปรับปรุงการสื่อสาร ยุทโธปกรณ์ต่างๆ ให้มีความทันสมัย เพื่อตอบสนองนโยบายของกองทัพบก ทั้งงานด้านความมั่นคง และการพัฒนาประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตนขอชื่นชมเพราะการดำเนินการได้รับความพอใจจากประชาชน ทุกวันนี้เราเผชิญกับภัยคุกคามหลายรูปแบบ แต่สิ่งที่เป็นปัญหาคือภัยคุกคามทางเทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ ที่ทำให้เกิดผลกระทบในวงกว้าง ถือว่าเป็นภารกิจของหน่วยที่ปกป้องและป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้น พร้อมทั้งสร้างกำลังพลรุ่นใหม่ขึ้นมาทดแทน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ตนขอสั่งการให้กรมการทหารสื่อสารเตรียมความพร้อมในเรื่องการติดต่อสื่อสาร การให้แสงสว่างทั่วประเทศ กับประชาชนทั่วประเทศ หากมีเหตุการณ์ไฟฟ้าดับเกิดขึ้นจะต้องมีการสื่อสารระหว่างส่วนภูมิภาค ท้องถิ่น และส่วนกลาง จึงอยากให้ไปวางแผนในเรื่องนี้ โดยเอาสถานการณ์ช่วงที่เกิดไฟฟ้าดับใน 14 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาเป็นตัวอย่าง และหากเกิดเหตุการณ์ไฟดับทั่วประเทศ หน่วยทหารสื่อสารจะมีการดำเนินการอย่างไรบ้างเพื่อให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ของกองทัพบกว่าทหารเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ทุกสถานการณ์
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ในส่วนของทหารนั้นเรามีอุปกรณ์ทางการทหาร ทั้งเครื่องปั่นไฟ เครื่องมือในการติดต่อสื่อสารทางวิทยุ และอุปกรณ์ส่องสว่าง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนได้ในระยะแรก และประสานงานกับกองทัพภาคที่มีพื้นที่ในความรับผิดชอบทั้ง 77 จังหวัด ระดมเครื่องมือ ยุทโธปกรณ์ไปช่วยเหลือประชาชนหากเกิดเหตุการณ์ พร้อมจัดตั้งหน่วยบรรเทาสาธารณภัย เรียกว่าหน่วยทหารสายฟ้า
ผบ.ทบ.ยังให้สัมภาษณ์กรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เชิญ ผบ.เหล่าทับรับประทานอาหารเย็นที่โรงแรมพลาซ่า แอทธินี วานนี้ (26 พ.ค.) ว่า เป็นการพบปะกันปกติที่เคยมีการพูดคุยกัน 2 เดือน/ครั้ง ถือเป็นการคุยกันนอกรอบเพื่อให้เกิดบรรยากาศในการพูดคุยได้ ไม่ได้พูดคุยในเรื่องการเมือง แต่เป็นในเรื่องภาคใต้ ชายแดน การช่วยเหลือประชาชน และไม่มีการพูดถึงเรื่องการปรับย้ายตน ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพกับรัฐบาลก็ดีมาตลอดไม่มีความขัดแย้งกัน ในส่วนของนายกฯ ก็ดีกับกองทัพมาตลอด กับตนก็ไม่มีปัญหากัน ท่านเป็นผู้บังคับบัญชา และเป็นผู้นำรัฐบาล ในส่วนของตนเป็นข้าราชการประจำ จะต้องวางตัวในจุดที่เหมาะสม ต่างฝ่ายเคารพและเกรงใจซึ่งกันและกัน หรือแม้แต่ในส่วนของ รมว.กลาโหม ที่ปรึกษานายกฯ และรองนายกฯ ก็ดูแลกองทัพอยู่
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สำหรับเรื่องอื่นที่เป็นเรื่องของการเมืองก็ไปว่ากัน ตนไม่มีหน้าที่ไปตอบโต้ทุกเรื่อง กำลังพลต้องเดินไปข้างหน้า เพราะประชาชนเดือดร้อนอยู่ วันนี้รัฐบาลยังเป็นรัฐบาลอยู่ ประเทศชาติต้องเดินหน้าไปทุกวัน อันไหนที่ตีกันขอให้ไปตีกันข้างทาง แต่เราจะเดินไปข้างหน้าเพื่อดูแลประชาชนให้เดินไปข้างหน้า ทหารจะไม่ไปอยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า สำหรับ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเป็นกระบวนการของสภาฯ และรัฐธรรมนูญ ถ้าหากทำได้ก็ทำไป แต่ขอให้การดำเนินการ ทุกอย่างอยู่ในกรอบ อย่าขัดแย้งตีกันไปมาจะทำให้บ้านเมืองเสียหาย เรื่องนี้เขาก็ไม่ได้มาถามตน และไม่ต้องมาถามด้วย เพราะหลายอย่างไม่ได้เกี่ยวข้องกับทหาร ในส่วนที่มีคดีความต่อกันก็ต่อสู้กันไป ต้องแยกแยะให้ออกว่าจะเดินอย่างไร ต้องหาทางออกให้ได้ แต่ตนไม่มีส่วนร่วมในตรงนี้ อย่าเอาเราเข้าไปเกี่ยวพัน ด่าทหารไปก็เจ็บคอเปล่าๆ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ส่วนผลที่ได้จากการนิรโทษกรรมเป็นอย่างไรนั้นตนไม่รู้ จะสบายใจกันทุกฝ่ายจริงหรือไม่ก็ไม่รู้ให้รอดู ไม่ทำนายผลที่จะตามมา ทหารทุกคนอยากให้ประเทศแข็งแรง ไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายให้เร็วที่สุด ตนจะดูแลลูกน้องที่มีคดีความให้เกิดความสบายใจเพราะครอบครัวเขาก็เดือดร้อน ผู้บาดเจ็บสูญเสียก็ต้องดูแลทั้งหมด ทั้งนี้กระบวนการขึ้นอยู่กับทางสภา รัฐธรรมนูญ และกระบวนการยุติธรรม และผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียที่ต้องมีความพอใจ