เด็ก พท.ใน กมธ.แก้ที่มา ส.ว. หนุนนั่งเก้าอี้ยาว 6 ปี จาก 4 ปี อ้างไม่ต้องเลือกตั้งบ่อย รู้งานมาก ล้างบางสายสรรหา “ชินวรณ์” ดักมีมติไปแล้วแก้ไม่ได้ “สามารถ” อ้างรายงานไม่ถึงสภาเปลี่ยนได้ แต่กินแห้วเหตุที่ประชุมไม่ครบจึงต้องปิดประชุม
วันนี้ (15 พ.ค.) การประชุมคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแก้ไขที่มาและวาระการดำรงตำแหน่งของ ส.ว. โดยนายเกรียงศักดิ์ ฝ้ายสีงาม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย เสนอญัตติให้กรรมาธิการทบทวนมาตรา 117 เรื่องสมาชิกภาพของ ส.ว. ว่าให้กำหนดวาระการดำรงตำแหน่งเป็น 6 ปี ภายหลังก่อนหน้านี้กรรมาธิการเสียงข้างมากลงมติให้ดำรงตำแหน่งสมัยละ 4 ปี
โดยนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ระบุว่าเห็นด้วยที่จะให้ดำรงตำแหน่ง 6 ปี เพราะจะได้ไม่ต้องเลือกตั้งบ่อย และจะทำให้รู้รายละเอียดในการทำงาน และทำงานได้ต่อเนื่องมากขึ้น เช่นเดียวกับนายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ที่เห็นด้วยให้ดำรงตำแหน่ง 6 ปี เพราะต้องการให้ระบบการสรรหาหมดไป และใช้ระบบการเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ยังจะทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพและมีความปะติดปะต่อ แต่นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้แย้งว่าก่อนหน้านี้กรรมาธิการเสียงข้างมากมีมติให้ดำรงตำแหน่ง 4 ปีไปแล้ว หากมีการทบทวนก็จะทำให้มีผู้เสนอทบทวนมติใหม่ทุกมาตรา ดังนั้นการเปลี่ยนมติจึงทำไม่ได้
แต่นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการ กล่าวว่า ผลการลงมติทั้งหมดยังไม่ได้ทำรายงานเสนอรัฐสภา ดังนั้นทุกอย่างยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับกรรมาธิการเสียงข้างมาก แต่อย่างไรก็ตาม ญัตติดังกล่าวไม่สามารถของเสียงสนับสนุนจากที่ประชุมได้เนื่องจากองค์ประชุมไม่ครบ จึงมีผู้เสนอให้ปิดประชุมและปิดประชุมในที่สุด ทั้งนี้ที่ประชุมคณะกรรมาธิการแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับที่มาของวุฒิสภา ได้พิจารณาตามรายมาตราเสร็จสิ้นแล้ว โดยหลังจากนี้จะทบทวนรายละเอียดต่างๆ และให้ผู้ที่ได้เสนอแปรญัตติเข้ามาชี้แจงต่อกรรมาธิการต่อไป
วันนี้ (15 พ.ค.) การประชุมคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแก้ไขที่มาและวาระการดำรงตำแหน่งของ ส.ว. โดยนายเกรียงศักดิ์ ฝ้ายสีงาม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย เสนอญัตติให้กรรมาธิการทบทวนมาตรา 117 เรื่องสมาชิกภาพของ ส.ว. ว่าให้กำหนดวาระการดำรงตำแหน่งเป็น 6 ปี ภายหลังก่อนหน้านี้กรรมาธิการเสียงข้างมากลงมติให้ดำรงตำแหน่งสมัยละ 4 ปี
โดยนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ระบุว่าเห็นด้วยที่จะให้ดำรงตำแหน่ง 6 ปี เพราะจะได้ไม่ต้องเลือกตั้งบ่อย และจะทำให้รู้รายละเอียดในการทำงาน และทำงานได้ต่อเนื่องมากขึ้น เช่นเดียวกับนายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ที่เห็นด้วยให้ดำรงตำแหน่ง 6 ปี เพราะต้องการให้ระบบการสรรหาหมดไป และใช้ระบบการเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ยังจะทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพและมีความปะติดปะต่อ แต่นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้แย้งว่าก่อนหน้านี้กรรมาธิการเสียงข้างมากมีมติให้ดำรงตำแหน่ง 4 ปีไปแล้ว หากมีการทบทวนก็จะทำให้มีผู้เสนอทบทวนมติใหม่ทุกมาตรา ดังนั้นการเปลี่ยนมติจึงทำไม่ได้
แต่นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการ กล่าวว่า ผลการลงมติทั้งหมดยังไม่ได้ทำรายงานเสนอรัฐสภา ดังนั้นทุกอย่างยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับกรรมาธิการเสียงข้างมาก แต่อย่างไรก็ตาม ญัตติดังกล่าวไม่สามารถของเสียงสนับสนุนจากที่ประชุมได้เนื่องจากองค์ประชุมไม่ครบ จึงมีผู้เสนอให้ปิดประชุมและปิดประชุมในที่สุด ทั้งนี้ที่ประชุมคณะกรรมาธิการแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับที่มาของวุฒิสภา ได้พิจารณาตามรายมาตราเสร็จสิ้นแล้ว โดยหลังจากนี้จะทบทวนรายละเอียดต่างๆ และให้ผู้ที่ได้เสนอแปรญัตติเข้ามาชี้แจงต่อกรรมาธิการต่อไป