รองโฆษก ทบ.แจงกระแสข่าวเด้ง ”ประยุทธ์”พ้นเก้าอี้แค่ข่าวลือ ชี้คนไม่หวังดีปล่อยเรื่องหวังดิสเครดิตทหาร ยืนยันการปรับย้ายทหารมี พ.ร.บ.กลาโหม ปี 51 รองรับ วอนสังคมเชื่อมั่น อีกด้านเพิ่มมาตรการ รปภ.ครูใต้เข้มรับเปิดเทอม วอนขอความร่วมมืออย่าเดินทางยามวิกาล
วันนี้ (14 พ.ค.) พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวชี้แจงถึงกระแสข่าวว่า จะมีการปรับย้าย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ออกจากตำแหน่งว่า ตามที่สื่อมวลชนมีการเสนอข่าวการปรับย้ายผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของกองทัพ จนกลายเป็นเรื่องที่สังคมนำไปวิพากษ์วิจารณ์จนเกิดความสับสนอยู่ในขณะนี้นั้น ขอเรียนว่า เรื่องดังกล่าวมิได้เป็นผลดีต่อประเทศชาติแต่อย่างใด ขณะที่สถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันมีหลายเรื่องที่สังคมมีความคิดเห็นแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม หากทุกฝ่ายยึดถือตามกฎกติกา กฎหมายภายใต้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแล้วในการแก้ปัญหาก็น่าจะได้ข้อยุติที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม หากพิจารณาอย่างเป็นธรรมถึงการปล่อยข่าวเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายอาจเป็นความพยายามของผู้ที่หวังสร้างความไม่ไว้วางใจต่อการทำหน้าที่ของกองทัพ เพื่อหวังประโยชน์ต่อกลุ่มของตนเองเป็นสำคัญ
“กองทัพบกเป็นองค์กรหนึ่งของรัฐที่ปฏิบัติตามนโยบายภายใต้กรอบกฎหมาย ยึดประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ กำลังพลทุกตำแหน่งภายในกองทัพบก ตั้งแต่พลทหาร ถึงผู้บังคับบัญชาระดับสูง ต่างมุ่งมั่นทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติภายใต้หน้าที่ความรับผิดชอบที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งการแต่งตั้งโยกย้ายให้ไปดำรงตำแหน่งใดๆ ถือเป็นไปตามกระบวนการบริหารจัดการ โดยมีคณะกรรมการพิจารณากลั่นกรองตามคุณสมบัติความรู้ความสามารถ ภายใต้พระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2551 จนถึงขั้นตอนการนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อทูลเกล้าฯ ให้มีการโปรดเกล้าฯ ต่อไป ขอให้สังคมมั่นใจในกระบวนการและเชื่อมั่นต่อระบบ กลไกของความถูกต้อง อย่าให้ความสำคัญต่อการปล่อยข่าวเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายทหาร ไม่ว่าจะเป็นการโยกย้ายในตำแหน่งใด กองทัพบกจึงขอวิงวอนให้ทุกฝ่ายได้ใช้ความระมัดระวังในการนำเสนอประเด็นใดประเด็นหนึ่งที่เป็นการเชื่อมโยงบทบาทหน้าที่ของกองทัพบกกับเรื่องที่มีความอ่อนไหวของสังคมซึ่งไม่เป็นผลดี นอกจากเป็นการเพิ่มความสับสนให้กับการรับรู้ของสังคม ยังอาจส่งผลกระทบต่อการทำหน้าที่ขององค์กรที่ถูกกล่าวถึงด้วย” พ.อ.วินธัย กล่าว
รองโฆษกกองทัพบก ยังกล่าวถึงการรักษาความปลอดภัยครูและนักเรียนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ในช่วงเปิดเทอมนี้หลายพื้นที่ได้เพิ่มมาตรการการรักษาความปลอดภัยให้เข้มข้นมากขึ้น โดยทุกหน่วยงานทั้งเจ้าหน้าที่ ฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ ภาคประชาชนและองค์กรสมาพันธ์ครูในพื้นที่ได้มีการประชุมกำหนดมาตราการร่วมกันในการรักษาความปลอดภัยให้ครูและบุคคลากรทางการศึกษาสำหรับช่วงเปิดภาคเรียนนี้ โดยขณะนี้ฝ่ายตรงข้ามยังคงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อสร้างเหตุสะเทีอนขวัญให้ประชาชนในพื้นที่หวาดกลัว สร้างความขัดแย้งความเข้าใจผิดระหว่างชาว ไทยพุทธ กับไทยมุสลิม รวมถึงพยายามลดความน่าเชื่อถือของเจ้าหน้าที่รัฐ
“เจ้าหน้าที่ตระหนักดีถึงภาระหน้าที่ในการสร้างสภาวะแวดล้อมที่ปลอดภัย เพื่อให้ทุกฝ่ายสามารถทำหน้าที่ของตนเอง โดยไม่ต้องหวาดระแวงต่อภัยอันตรายที่จะเกิดขึ้น แต่เนื่องจากพื้นที่มีขนาดกว้างมาก เมื่อเทียบกับจำนวนเจ้าหน้าที่ทำให้ดูแลทั่วถึงได้ยากจึงขอความร่วมมือให้ทุกฝ่ายปฏิบัติตามมาตรการตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำ และขอให้ประชาชนในพื้นที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมเป็นแรงเสริมช่วยเจ้าหน้าที่ด้วย โดยเฉพาะการเดินทางในพื้นที่เปลี่ยว พื้นที่ห่างไกล หรือการเดินทางพบปะกันในยามวิกาล ถ้าเป็นไปได้ควรระลึกถึงภัยอันตรายที่อาจเกิดขึ้น และควรมีมาตรการดูแลตนเองให้ดี ขอให้ได้เพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ เมื่อพบสิ่งผิดปกติหรือสิ่งต้องสงสัย การเคลื่อนไหวของคนแปลกหน้าในพื้นที่กรุณาแจ้งเจ้าหน้าที่” พ.อ.วินธัย กล่าว