ชาวไร่อ้อยยื่นศาลปกครองฟ้อง ก.อุตสาหกรรม เหตุย้ายโรงงานน้ำตาลเหลื่อมล้ำ

ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ชาวไร่อ้อยกว่า 500 คนจากสระแก้วยื่นฟ้องกระทรวง-ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมกับบริษัทน้ำตาลนิวกว้างสุ้นหลี ต่อศาลปกครอง ขอให้มีคำสั่งเพิกถอนหรืองดเว้นการใช้หลักเกณฑ์การตั้งหรือย้ายสถานที่ตั้งโรงงานน้ำตาล

วันนี้ (10 พ.ค.) ตัวแทนเกษตรกรชาวไร่อ้อยกว่า 500 คนใน จ.สระแก้ว ในนามสมาคมเกษตรกรชายแดนบูรพา กับพวกรวม 735 คน พร้อมด้วยนายปรเมษฐ์ แดนดงยิ่ง ทนายความผู้รับมอบอำนาจ ได้เข้ายื่นฟ้องกระทรวงอุตสาหกรรม ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม บริษัท น้ำตาลนิวกว้างสุ้นหลี จำกัด เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-3 ต่อศาลปกครองกลาง เพื่อ 1. ขอให้มีคำสั่งเพิกถอนหรืองดเว้นการใช้หลักเกณฑ์การตั้งหรือย้ายสถานที่ตั้งโรงงานน้ำตาล ที่กำหนดให้โรงงานที่จะตั้งใหม่ต้องมีระยะห่างจากที่ตั้งของโรงงานน้ำตาลที่มีอยู่เดิมไม่น้อยกว่า 80 กม. ที่ระบุอยู่ในบันทึกข้อความของกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องการกำหนดเงื่อนไขการย้ายสถานที่ตั้งและขายกำลังการผลิตของโรงงานน้ำตาล

2. ขอให้มีคำสั่งให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการตาม พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ. 2535 ให้บริษัท นิวกว้างสุ้นหลี สามารถย้ายสถานที่ตั้งโรงงานผลิตน้ำตาลจาก อ.ตาพระยา ไปตั้งที่ อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว 3. ขอให้มีคำสั่งให้บริษัท นิวกว้างสุ้นหลี ดำเนินการขออนุญาตตั้งโรงงานผลิตน้ำตาล และยื่นคำขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน ที่ อ.วัฒนานคร เพื่อดำเนินกิจการและรับซื้อผลผลิตอ้อยจากเกษตรกรชาวไร่อ้อยที่เป็นผู้ฟ้องคดีโดยให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสาม ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ให้มีการตั้งโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อจ่ายกระแสไฟฟ้าสำหรับใช้ในโรงงานผลิตน้ำตาลนิวกว้างสุ้นหลี ไปพร้อมกับการตั้งโรงงานผลิตน้ำตาล โดยเมื่อบริษัท นิวกว้างสุ้นหลีได้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานตามขั้นตอนของกฎหมายแล้ว ให้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมออกใบอนุญาตให้ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด

นายปรเมษฐ์กล่าวว่า เหตุที่ต้องมาฟ้องคดีเนื่องจากบริษัทผลิตน้ำตาลนิวกว้างสุ้นหลีได้ยื่นเรื่องต่อกระทรวงอุตสาหกรรมขอย้ายฐานการผลิตจาก อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ไปยัง อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ซึ่ง ครม.ได้มีมติตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอเมื่อวันที่ 16 ต.ค. 50 จากนั้นขณะที่บริษัทฯ กำลังดำเนินการในเรื่องการจัดตั้งโรงงาน ก็ได้มีการส่งเสริมโดยแจกจ่ายท่อนพันธุ์ให้เกษตรกรนำไปปลูก เพื่อที่เมื่อครบระยะเวลา 3 ปีจะได้ส่งอ้อยให้กับโรงงานที่ก่อสร้างเสร็จพอดีได้ทำการผลิต แต่ในขั้นตอนของการจัดตั้งโรงงานบริษัทฯ ได้ไปติดต่อขอใช้น้ำเพื่อการผลิตและการปลูกอ้อยของเกษตรกรกับสำนักงานชลประทานพื้นที่ 9 ก็ได้รับการแจ้งว่าในพื้นที่ อ.ตาพระยา มีน้ำดิบไม่เพียงพอในการเกษตรอยู่แล้วจึงไม่สามารถอนุญาตให้บริษัทฯใช้น้ำได้ และแนะนำให้ย้ายไปตั้งโรงงานที่ อ.วัฒนานคร เนื่องจากมีแหล่งน้ำดิบเพียงพอ บริษัทฯ จึงได้ยื่นเรื่องขออนุญาตย้ายการจัดตั้งโรงงานจาก อ. ตาพระยา ไป อ.วัฒนานคร แต่กระทรวงอุตสาหกรรมกลับแจ้งว่าที่ อ.วัฒนานคร มีโรงงานผลิตน้ำตาลของบริษัทน้ำตาลตะวันออกตั้งอยู่แล้ว และกระทรวงอุตสาหกรรมได้ออกหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการตั้งโรงงานผลิตน้ำตาลใหม่ว่า โรงงานใหม่ที่จะตั้งต้องห่างจากโรงงานผลิตน้ำตาลที่มีอยู่เดิมในพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 80 กม. เพื่อป้องกันการแย่งวัตถุดิบ

แต่จากการตรวจสอบการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงอุตสาหกรรมดังกล่าว กลับพบว่ามีความเหลื่อมล้ำ โดยกระทรวงอุตสาหกรรมมีการอนุญาตให้บริษัท น้ำตาลตะวันออก ไปตั้งโรงงานผลิตน้ำตาลเพิ่มที่ อ.วังสมบูรณ์ ซึ่งห่างจากโรงงานผลิตน้ำตาลเดิมใน อ. วัฒนานคร เพียง 45 กม.เท่านั้น และยังพบว่าการอนุญาตในลักษณะดังกล่าวยังเกิดขึ้นใน จ.เลย และ จ.กำแพงเพชร โดยเมื่อผู้ฟ้องคดีสอบถามถึงเหตุผลว่าทำไมบริษัท นิวกว้างสุ้นหลีจึงไม่ได้รับการยกเว้นเช่นเดียวกับบริษัท น้ำตาลตะวันออก จากกระทรวงอุตสาหกรรม ก็ได้รับการนิ่งเฉย ส่งผลให้ขณะนี้เกษตรกรประสบปัญหา เพราะไม่สามารถส่งอ้อยเข้าหีบในโรงงานได้ทันตามฤดูกาลหีบอ้อยที่มีระยะเวลาจำกัด อีกทั้งก่อนหน้านี้เกษตรกรก็ได้ไปร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจพาณิชย์และอุตสาหกรรมก็มีมติว่าเรื่องดังกล่าวเป็นปัญหา และเสนอให้กระทรวงอุตสาหกรรมรีบแก้ไข รวมถึงเมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่ใน จ.สระแก้ว ก็รับปากว่าจะช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าว แต่จนบัดนี้ก็ไม่มีความคืบหน้า จึงเห็นว่ากรณีดังกล่าวเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบและล่าช้าเกินสมควรของผู้ถูกฟ้องคดี จึงขอให้ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาตามที่ขอ