สะเก็ดไฟ
สงกรานต์ปีนี้ นอกจากสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวเป็นเตาเผาถ่านแล้ว สถานการณ์การเมืองที่เก็งๆ กันว่าจะร้อนปุดๆ ไม่แพ้กัน นาทีนี้ยังอยู่ในระดับอุ่นๆ ยังไม่มีอะไรให้หวาดเสียว
เพราะตามสถานการณ์บวกกับเงื่อนไขในปัจจุบัน ยังอยู่ในระดับคุกรุ่นรอวันปะทุเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแบบรายมาตรา ที่รัฐสภารับหลักการให้ความเห็นชอบในวาระที่ 1 ไปแล้ว และขณะนี้ยังอยู่ระหว่างช่วงปิดสมัยประชุมสภา ที่ต้องว่ากันหลังสภาเปิดไปแล้วว่า พลพรรคเพื่อไทยและแนวร่วมจะเดินหน้าใส่เกียร์ห้าไปเลย
โดยไม่สนใจมีดที่รอเสียบใส่หลังอันใหญ่อย่าง “ศาลรัฐธรรมนูญ”
กับอีกปมร้อนๆ ที่กำลังอยู่ในช่วงลูกผีลูกคนที่ต้องลุ้นว่าจะมีเงื่อนไขหรือช่องอะไรที่ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” ผิดพลาดจนแนวต้านหยิบไปเป็นประเด็นเกณฑ์กำลังคนยกพลมาขับไล่รัฐบาล
อย่างกรณีที่กัมพูชายื่นให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลกตีความคำพิพากษาปี 2505 ในพื้นที่พิพาทรอบปราสาทเขาพระวิหารที่จะมีการแถลงด้วยวาจาครั้งสุดท้ายระหว่างวันที่ 15-19 เมษายนนี้
ตลอดจนชนวนเส้นสุดท้ายที่พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดงที่ได้ดิบได้ดีในอำนาจบริหาร ไม่กล้าแตะต้อง ได้แต่ทำปากกล้าขาสั่น เดินหน้าถอยหลัง ยึกๆ ยักๆ ไม่เอาเสียที อย่างกฎหมายนิรโทษกรรม ที่สารพัดฝ่ายกดดันให้ช่วยเร่งกันออก เพราะประชาชนในคุกในซังเตยังเฝ้ารอวันได้รับอิสรภาพกันอยู่ โดยเฉพาะกลุ่มคนเสื้อแดงฟากวิชาการ
ที่นำโดย น.ส.สุดา รังกุพันธุ์ อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เพิ่งจะขนคนไปทวงความคืบหน้ากันที่หน้าสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เมื่อวันครบรอบ 10 เมษายนที่ผ่านมา
โดยจังหวะล่าสุดดูเหมือนพรรคเพื่อไทยจะวัดใจผลักดันกันแบบจริงๆ จังๆ เสียแล้ว กับคิวที่นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ลั่นวาจาเอาไว้อย่างไรก็จะใช้เอกสิทธิ์ขอเลื่อนมาพิจารณา ขณะที่นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยรับลูกทำนองเป็นไงก็เป็นกัน
ตามอารมณ์คนในเครือข่ายในห้างชักจะยัวะกับกับดักหลายทาง เลยกล้าจะวัดของร้อนๆ กันไปเลย
อย่างไรก็ดี ในปรากฏการณ์ที่พรรคเพื่อไทยเตรียมแตะต้องของร้อน แต่คิว “นายใหญ่” พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาแปลกในจังหวะเดียวกัน เล่นปล่อยมุกน้ำเย็นลูบเสียอย่างงั้น จากกรณีโพสต์เฟซบุ๊กอวยพรเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ ทำบ่นคิดถึงบ้าน พรรณาอยู่ต่างประเทศมา 7 ปี และโดยเฉพาะท่อนขอขมาผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่เคยล่วงเกินทั้งกายกรรมและวจีกรรม
จับทาง “ทักษิณ” โชว์บทอ่อนๆ ดักทางได้ตลอดเป็นอารมณ์ของพวกอยากกลับบ้าน ที่มักพรำๆ ส่งสัญญาณออกมาตลอด
กับอีกนัยหนึ่งที่ต้องจับตา เพราะบทขอขมาเกิดขึ้นในช่วงที่พรรคเพื่อไทยจะลุยฝ่าของร้อน ดูกันตามเหลี่ยมคูทางการเมือง ไม่ต่างจากการปูรันเวย์ ลดแรงเสียดทานสังคม ให้อยู่ในอารมณ์นิ่มๆ ก่อนจะขยับเขยื้อนไปข้างหน้าตลอดจนการส่งสัญญาณขอ “ไฟเขียว” จากผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านที่ “ทักษิณ” กำลังขอขมาอยู่
จากนี้เลยต้องจับตา เพราะสัญญาณแบบนี้ “นายใหญ่” ชอบทำและขอมาแล้วในลักษณะนี้กันไม่รู้กี่หน แต่ส่วนใหญ่ซดแห้ว เจอ “ไฟแดง” แทบตลอด