สะเก็ดไฟ
แก้รัฐธรรมนูญทีไรเป็นเรื่องทุกที ลิ่วล้อ ส.ส.พรรคเพื่อไทย บ่นกระปอดกระแปด โคตรเซ็ง เซ็งทั้งโคตร จะหมุนจะเปลี่ยนแก้กันท่าไหนก็ดูเหมือนจะติดล็อกทุกคราครั้งไป
เนื่องเพราะฝ่ายตรงข้าม ฝ่ายผู้มีอำนาจไม่ไว้วางใจในทุกย่างก้าวของพรรคเผาไทย รู้ดีอยู่แล้วว่าเป้าหมายคือการแก้ไปทีละเปลาะ เพื่อ “นายใหญ่” หลบหนีคดี
รู้กันทั้งประเทศว่าการแก้ไขกฎหมายในสภาง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก เพราะสภาเป็นแค่สภาฝักถั่ว ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลยั้วเยี้ยเต็มสภา ยกมือเมื่อไหร่ก็ผ่านเมื่อนั้น หลายครั้งก็ไม่ได้ดูไม่ได้ตรองหรอกว่ากฎหมายมันดีหรือไม่ดี ทำตามๆ กันไปเหมือนเป็นแค่พนักงานบริษัท!!
ฉะนั้น หนทางที่จะสกัดกั้นและทำได้ผลชะงัดมาหลายต่อหลายครั้ง ก็คือ การใช้อำนาจตุลาการมาคานนิติบัญญัติ เตะตัดขาจนหัวทิ่ม คราวก่อนที่ยื่นแก้ไขมาตรา 291 ก็โดนศาลรัฐธรรมนูญเล่นเสียไปไม่เป็น
ออกอาการปอดกระเส่าจะเดินหน้าลงมติวาระ 3 ก็ไม่กล้า จะถอยก็เสียเชิง ก็เลยโยนเรื่องไปให้คนนั้นศึกษาทีคนนี้ศึกษาที เตะถ่วงจนเรื่องเงียบหายไป สุดท้ายก็ชี้ชัดเป็นพวก ใจเสาะ ใจตุ๊ด
มาวันนี้เจอศาลรัฐธรรมนูญแหย่เข้าไปอีกดอก รับเรื่องที่กลุ่ม 40 ส.ว.แทงเรื่องเข้ามาไว้พิจารณา แม้จะไม่สั่งคุ้มครองชั่วคราว ก็ทำเอาบรรดาส.ส. โดยเฉพาะปีกคนเสื้อแดง ออกอาการพาล ขู่จะชุมนุมบ้าง จะแก้เผ็ดด้วยการเอามาตรา 291 ที่ค้างอยู่มาโหวตให้รู้แล้วรู้รอด หรือแม้แต่จะบอยคอตไม่ฟังเสียงศาลรัฐธรรมนูญ
มันก็แค่ลีลาเล่นงิ้ว-ปาหี่ ปากกล้าขาสั่นตามเคย เอาเข้าจริงก็กล้าๆ กลัวๆ
ในที่สุดก็ต้องกลับไปสุมหัวหาข้อมูลไปชี้แจงกับศาลโดยดี อุดมเดช รัตนเสถียร ที่ปรึกษาวิปรัฐบาล เผยว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทยเซ็นมอบอำนาจให้พรรคหมดแล้ว และพรรคจะส่งตัวแทนไปชี้แจง
ส่วนแนวทางที่จะไปชี้แจง จะอธิบายถึงการใช้สิทธิหน้าที่ของ ส.ส.และส.ว.ในฝ่ายนิติบัญญัติ ที่จะเสนอกฎหมาย แก้ไขกฎหมาย เห็นว่ารัฐธรรมนูญที่ใช้อยู่เป็นปัญหา จึงดำเนินการแก้ไข มั่นใจไม่ได้ทำอะไรผิด
ศาลว่าอย่างไรก็ต้องว่าไปตามกัน ออกอาการกันนิดหน่อย ตามแบบฉบับหนังขายยา เอามัน เอาฮา แต่ไร้สาระ นำโดยตลกหลงเวที อย่าง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดง ที่วันนี้ขึ้นวอปาดหน้าเพื่อนซี้รุ่นพี่ จตุพร พรหมพันธุ์ จนน้ำตาตกในใกล้กลายเป็นเลือด ออกมาขู่ลุยเรี่ยราดตามสไตล์ หลายคนฟังแล้วอยากหัวเราะให้ฟันปลอมกระเด็น
วันนี้พรรคเพื่อไทยจะเดินหมากอื่นใดไปไม่ได้ จำเป็นต้องเดินไปตามหมากในตาราง เมื่อศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ชี้แจงก็ต้องทำตามโดยมิอาจขัดขืน
เพราะหากเล่นนอกเกม ใช้วิธีห่ามห้าวสามานย์แบบเดิมๆ ก็ได้ไม่คุ้มเสียแน่นอน ถึงตอนนี้ศาลรัฐธรรมนูญก็ยังไม่ได้ชี้ชัดอะไรออกมา ฉะนั้นก็ไม่ควรตีตนไปก่อนไข้
อยากจะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป ก็ลงมือไปเถอะ ก็ต้องเสี่ยงวัดใจเหมือนกันว่า ในเวลาต่อไปศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยเช่นไร จะผูกพันการกระทำที่กำลังจะดำเนินการอยู่หรือไม่
ถ้ามั่นใจก็อย่าไปกลัว ถ้าใจเสาะเหมือนอย่างเคย ก็ไม่ได้แก้เสียที เดี๋ยวนายใหญ่ไม่ได้กลับบ้าน จะโดนเล่นงานกันทั้งพรรคเอานา
