ส.ส.ปชป. นำหลักฐานเข้าแจ้งความเอาผิด “หวัง หงปิน” ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ประธานรัฐสภา ออกหนังสือราชการ-ใช้ตราประทับรัฐสภาปลอม ส่งไปยังสถานทูตต่างประเทศ ชี้เคยหารือแล้วแต่อ้างตักเตือนไปแล้ว ถือว่าฟังไม่ขึ้น
วันนี้ (17 มี.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ จัดแถลงข่าว โดยมีการกล่าวอ้างในทำนองกรณีนายหวัง หงปิน ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ออกหนังสือราชการปลอมและใช้ตราประทับรัฐสภาปลอม ส่งไปยังสถานทูตต่างประเทศ โดยอ้างว่าเป็นฝ่ายกิจการประเทศจีนของประธานรัฐสภาไทย ซึ่งถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาหลายมาตรา เช่น 251, 252 264, 265 และ 268 ซึ่งในเรื่องนี้ตนเคยหารือกับนายสมศักดิ์ ประธานรัฐสภามาแล้วสองครั้งแต่ไม่มีการดำเนินการใดๆ กับนายหวัง หงปิน ทั้งที่เป็นคดีอาญาแผ่นดิน แต่นายสมศักดิ์กลับอ้างว่ามีการตักเตือนไปแล้ว ซึ่งถือเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น
ดังนั้น ในวันนี้ตนจะเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อเจ้าพนักงานให้ดำเนินคดีต่อนายหวัง หงปิน ที่เป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ของนายสมศักดิ์ เพราะการทำตราประทับปลอมนั้นไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้ เนื่องจากตราสัญลักษณ์ของสภาไทยได้รับพระบรมราชานุญาตให้ใช้ตั้งแต่วันที่ 30 ม.ค. 2495 ผู้มีสิทธิใช้คือ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และปัจจุบันคือเลขาธิการรัฐสภา
ส่วนนายสมศักดิ์ และนายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย เลขาธิการสภาฯ หากไม่ดำเนินการ ส่งนิติกรไปแจ้งดำเนินคดีกับนายหวัง หง ปิน ในสัปดาห์หน้า ตนจะแจ้งความดำเนินคดีต่อบุคคลทั้งสองในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายอาญา มาตรา 157 ต่อไป
นายวัชระกล่าวต่อว่า ตนมีหลักฐานเป็นหนังสือที่นายสมศักดิ์ลงนามแต่งตั้ง นายหวัง หงปิน เป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ ในคำสั่งสภาผู้แทนราษฎรที่ 16/2554 เรื่องแต่งตั้งที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ หมายเลข 2 และหนังสือที่นายหวัง หงปิน ปลอมแปลงเอกสาร และทำตรายางรัฐสภาปลอมพร้อมนำมาแสดงต่อสื่อ
ทั้งนี้ นอกจากนายสมศักดิ์จะตั้งนายหวัง หงปิน เป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ประธานรัฐสภาแล้ว ยังมีชาวจีนอีกหลายคนที่นายสมศักดิ์ตั้งเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ด้วย ซึ่งถือเป็นเรื่องไม่ควร เพราะที่ปรึกษาทั่วไปจะตั้งเฉพาะคนไทยเท่านั้น แต่กลับมีการตั้งคนต่างชาติเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ประธานรัฐสภา จึงอยากถามว่าเมื่อมีฝ่ายกิจการจีนแล้วจะมีฝ่ายกิจการดูไบ หรือกัมพูชา ประจำประธานรัฐสภาไทยหรือไม่ เพราะการตั้งที่ปรึกษาต่างประเทศเช่นนี้อาจส่งผลกระทบต่อชาติอื่นที่ไม่ได้รับการแต่งตั้งด้วย
นายวัชระกล่าวอ้างต่อว่า นอกจากเรื่องนี้แล้ว ขณะนี้ตนกำลังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการออกวีซ่าของชาวจีนในการเดินทางมาประเทศไทย ซึ่งมีชาวจีนและบริษัทต่างๆ ร้องเรียนว่า เป็นไปด้วยความยากลำบาก โดยต้องเสียเงินให้นายหน้าชาวต่างชาติซึ่งเป็นชาติเดียวกัน เพื่อให้ออกวีซ่ามาไทย จึงไม่ทราบว่าเป็นประเด็นที่ทำให้ตั้งชาวจีนหลายคนให้เป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ในการดำเนินกิจการบางอย่างในประเทศจีน ของนายสมศักดิ์ด้วยหรือไม่ ซึ่งจะต้องติดตามตรวจสอบต่อไปอย่างใกล้ชิด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันเดียวกันนายวัชระได้เดินทางไปยังสถานีตำรวจนครบาลดุสิต เพื่อนำหลักฐานเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจกรณีนายหวังปลอมตราสัญลักษณ์รัฐสภาไปใชัเอง
