ส.ส.ระยอง ปชป.ตอก “เฉลิม” คุม ตร.ภาพลักษณ์แย่กว่าเดิม หลังแนะอยู่ข้าง รบ. ปล่อย “ขวัญชัย” โวย้าย ตร. ซัดเป็นใจผู้สมัครผู้ว่าฯ พท. ผบช.น.เชียร์ออกนอกหน้า เลือกจัดการคนป่วนหาเสียง มีอำนาจนอกระบบค่อยคุม รองนายกฯ ชี้ ตร.ฟังแกนนำคนรักอุดรโง่ รับห้ามไม่ฟัง ยัน สตช.ไร้แทรกแซง โวผลงานเด่น ย้อนอย่าดูแต่สื่อที่ด่าตน ลั่น ตร.เป็นกลาง ผบช.น.หนุน “จูดี้” ไม่ผิด อ้างเรียนรุ่นเดียวกัน ยันคน กทม.ซื้อไม่ได้
วันนี้ (28 ก.พ.) นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ กระทู้ถามสดเรื่องการใช้อำนาจนอกระบบแทรกแซงแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจว่าตั้งแต่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารประเทศ ภายใต้การควบคุมดูแลของเฉลิม อยู่บำรุง ภาพลักษณ์ของตำรวจที่ตกต่ำดูจะตกต่ำมากยิ่งขึ้น ทั้งที่ควรจะเป็นอาชีพที่น่าภาคภูมิใจ และเป็นที่เคารพศรัทธา แต่มีการไปให้นโยบายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่สโมสรทหารบกว่าให้ตำรวจเลือกข้าง ให้เลือกพรรครัฐบาล อย่าไปเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งที่ตำรวจต้องเป็นกลาง เหตุการณ์ล่าสุดที่กระทบภาพลักษณ์ตำรวจเมืองไทยอย่างมาก คือ คลิปภาพที่นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร และหนึ่งในแกนนำ นปช. พูดคุยกับมวลชนในพื้นที่ภาคอีสานโดยคุยอวดว่าสามารถแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจในภาคอีสานได้ อย่าง จ.อุดรธานีเป็นของตัวเอง ดูไบจะแต่งตั้งใครก็ต้องมาขอตนเองก่อน ซึ่งนายสาธิตกล่าวว่า ตนไม่รู้ว่านายขวัญชัยเป็นใครถึงมีอำนาจโยกย้ายข้าราชการตำรวจ เป็นเพียงผู้นำม็อบ จบการศึกษาอะไรมาก็ไม่รู้ ตนขอถามว่าจะมีนโยบายอย่างไรไม่ให้อำนาจนอกระบบหรืออำนาจเถื่อนให้ตำรวจชั้นผู้น้อยมีวาสนากระเถิบขึ้นมาโดยไม่ต้องไปก้มหัวให้ใคร
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวถึงกรณีคลิปภาพนายขวัญชัยว่า อย่าเชื่อคลิปภาพดังกล่าว เพราะไม่มีตำรวจคนใดไปฟัง แต่หากมีก็คงเป็นพวกปัญญาทึบ ส่วนตัวที่ไม่พูดกับนายขวัญชัยเนื่องจากเขาไม่เชื่อฟังตน อีกทั้งตนก็ไม่ร่วมกลุ่ม นปช.ด้วย ซึ่งนายขวัญชัยไม่ใช่ข้าราชการจึงเรียกมาชี้แจงไม่ได้ ที่ผ่านมาการแต่งตั้ง พล.ต.ต.บุญลือ กอบางยาง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี ก็มีคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) พิจารณาถูกต้อง โดยเฉพาะกรณีของ พล.ต.ต.บุญลือ มีการให้คะแนนเห็นด้วย 12 ต่อ 5 คะแนน แต่ตนที่เป็นประธาน ก.ตร.ได้งดออกเสียง แสดงให้เห็นว่าหากนายขวัญชัยมีอำนาจก็สั่งตน ดังนั้นยืนยันว่ายุคที่ตนดูแล สตช.ไม่มีการแทรกแซง ไม่มีการใช้เงิน และตนไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองใหญ่โต โดยที่ผ่านมาประชาชนในกรุงเทพฯ ก็ให้การทำหน้าที่ของตนเป็นอันดับ 1 ตลอด ส่วนที่บอกว่าตนมีผลงานตกต่ำ นายสาธิตคงอ่านหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ แนวหน้า และเอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน
นายสาธิตถามต่อว่า ตนอยากเรียกร้องให้หยุดใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. โดยเฉพาะพฤติกรรมที่พบ เช่น มีรถตำรวจนำขบวนหาเสียงของกลุ่ม นปช.ที่สนับสนุนผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.คนหนึ่ง อีกทั้ง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.ได้สั่งขอร้องให้นายยืนยง โอภากุล (แอ๊ด คาราบาว) นักร้องชื่อดังแต่งเพลงสนับสนุน พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.พรรคเพื่อไทยด้วย นอกจากนี้ มีการทำหนังสือของ สตช.เพื่อขอทราบหมายเลขโทรศัพท์ของตำรวจที่มีภูมิลำเนาอยู่ใน กทม. ซึ่งไม่ทราบว่าจะเอาทำอะไร นอกจากนี้ กรณีที่มีคนติดสติกเกอร์ผู้ต่อต้าน พล.ต.อ.พงศทัศ มีตำรวจไปตามจับ แต่กรณีคนติดสติกเกอร์ที่ป้ายหาเสียงของเบอร์ 16 กลับไม่มีใครสนใจจนถึงขณะนี้ ดังนั้น อยากถามว่าจะป้องกันอำนาจนอกระบบเข้ามาแทรกแซงการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ รวมถึงจะมีนโยบายให้ตำรวจวางตัวเป็นกลางในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.หรือไม่
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวยืนยันว่า ตำรวจทำงานเป็นกลาง ไม่มีการเลือกปฏิบัติ แม้แต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ตำรวจก็ยังต้องดูแลในมาตรฐานเดียวกัน ส่วนเรื่องการถามเบอร์โทรศัพท์นั้น ถ้านายสาธิตไม่รู้แล้วตนจะรู้ได้อย่างไร ส่วนกรณีที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ขอร้องให้นายยืนยงร้องเพลงหาเสียงให้นั้นเป็นเรื่องปกติ เนื่องจาก พล.ต.ท.คำรณวิทย์มีความสนิทสนมกับ พล.ต.อ.พงศพัศ เรียนโรงเรียนนายร้อยสามพรานมาด้วยกัน อย่างไรก็ตาม ผลการเลือกตั้งนั้นต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ และตนเชื่อว่าตำรวจจะช่วยเหลือผู้สมัครไม่ได้ เพราะคนกรุงเทพฯ มีวิจารณญาณ จะสั่งและซื้อไม่ได้