หน.ปชป.ไม่แปลกใจ มท.1 หลุดปากไทยมีนายกฯ 2 คน ชี้ต่างชาติงงมีอะไรต้องบินหานายใหญ่ ท้า “ยิ่งลักษณ์” เลิกฟังคำบัญชา แก้ต่างข้อครหา เริ่มนิรโทษฯ สาวก ยกเว้นตัวบงการ-บี้ รบ.ปราบคอร์รัปชันจริงจัง อย่าแต่ลังเล จับมือเครือข่ายปราบโกง-ดีใจ “ราตรี” ถูกเขมรปล่อย แต่อย่าลืม “วีระ” เชื่อโยงคดีพระวิหารไม่ได้
วันนี้ (1 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ในรายการฟ้าวันใหม่ ทางสถานีโทรทัศน์บลูสกายชาแนล ถึงกรณีที่หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส ตีพิมพ์คำพูดนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ว่า “ประเทศไทยเหมือนมีนายกฯ 2 คน คนหนึ่งอยู่ในประเทศ และอีกคนหนึ่งอยู่นอกประเทศ” ว่าพวกเราที่อยู่ในประเทศก็เห็นภาพอย่างนี้นานแล้วซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ตนยืนยันว่านายกรัฐมนตรีมาตามรัฐธรรมนูญ มาตามกระบวนการการเลือกตั้ง เป็นผู้รับผิดชอบ ที่ผ่านมาตนคุยกับชาวต่างประเทศทั้งในภาครัฐและภาคเอกชนก็บอกว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยปรากฏที่อื่น และเขารู้ว่าการเจรจาหรือจะได้รับคำตอบอะไรชัดเจนก็ต้องวิ่งไปนอกประเทศ แต่หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อยากยืนยันความเป็นตัวจริง ตนก็ขอให้ลองฝืนใจ พ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะพี่ชายให้ชาวบ้านได้เห็น ก็จะได้ยืนยันว่าอำนาจอยู่ตรงนี้ เริ่มต้นจากการนิรโทษกรรมกลุ่ม นปช. ที่ทำ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ก่อน แต่ไม่ครอบคลุมถึงบรรดาลูกสมุนและตัวพี่ชาย
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อถึงกรณีที่มีโพลของหอการค้า ว่ารัฐบาลยังสอบตกเรื่องของการแก้ปัญหาคอร์รัปชันว่า เราอยากเห็นรัฐบาลเดินหน้ามาตรการทั้งหลายที่เสนอมาอยู่แล้ว ซึ่งยุคนี้เป็นยุคที่สังคมอึดอัดกับปัญหาคอร์รัปชันและต้องการจะช่วย เพราะฉะนั้น มาตรการที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เสนอให้รัฐบาลทำ รวมทั้งมาตรการที่เครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันเสนอ และมาตรการของคณะกรรมการสมัชชาปฏิรูปประเทศพยายามเสนอมานั้น อยากให้รัฐบาลขยับและจับมือกับเขาในเรื่องนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาต้องยอมรับว่ารัฐบาลมีแต่ความลังเล ในการทำตามข้อเสนอแนะเหล่านี้
นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ จะได้รับการปล่อยตัวจากการถูกจำคุกที่ประเทศกัมพูชา ในวันนี้ (1 ก.พ.) ว่าดีใจกับสิ่งที่หลายคนพยายามเรียกร้องและรอคอยมานาน แต่ยังมีนายวีระ สมความคิด แกนนำเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ อีกหนึ่งคนที่ทุกคนต้องพยายามหาทางช่วยเหลือต่อไป แต่คงมีขั้นตอนที่สามารถไปไล่ดูจากการได้ลดโทษแล้วก็จะเข้าข่ายในเรื่องอื่นๆ ทั้งนี้ ตนเห็นว่าเรื่องดังกล่าวไม่ควรจะมีผลต่อคดีปราสาทพระวิหาร และคงจะนำไปอ้างไม่ได้ เพราะไม่ได้มีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องปัญหาที่เป็นข้อพิพาท