xs
xsm
sm
md
lg

“หมวดเจี๊ยบ” ยันไร้รอยต่อไม่ทำ กทม.ลูกน้องรัฐบาล เหวี่ยงใส่ “สุขุมพันธุ์” มีอคติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (ภาพจากแฟ้ม)
รองโฆษกเพื่อไทยอ้างชูไร้รอยต่อหาเสียง ไม่ทำ กทม.เป็นลูกน้องรัฐบาล โวชู “วันสต็อปเซอร์วิส“ เลือกแล้วทำงานราบรื่น จิกกัด “สุขุมพันธุ์” โบ้ยไม่มีอำนาจโยนให้รัฐบาล ทำตัวมีอคติ กีดกันไม่ให้มีผลงาน

วันนี้ (30 ม.ค.) ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองโฆษกศูนย์อำนวยการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) กล่าวว่า ตามที่พรรคการเมืองอื่นกำลังทำให้ประชาชนสับสนว่านโยบายไร้รอยต่อที่พรรคเพื่อไทยนำเสนอ จะทำให้ กทม.อยู่ใต้อำนาจของรัฐบาลในลักษณะเป็นลูกน้องนั้น พรรคเพื่อไทยขอปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง และเป็นความเข้าใจผิดของพรรคการเมืองอื่น ที่จริงแล้วนโยบายไร้รอยต่อไม่ได้ทำให้ กทม. เป็นลูกน้องรัฐบาล แต่จะทำให้ กทม.สามารถทำงานประสานกับรัฐบาลได้อย่างราบรื่น เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์ ทั้งจากการบริหารงานของ กทม. และจากนโยบายของรัฐบาลได้อย่างเต็มที่ การที่ กทม.ทำตัวเป็นเอกเทศต่างหากที่ทำให้ประชาชนไม่ได้รับความสะดวกโดยเปล่าประโยชน์

“ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น กรณีที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ไปหาเสียงกับผู้พิการเมื่อวานนี้ โดยเสนอนโยบายเพื่อคนพิการหลายข้อ แต่สื่อมวลชนเสนอข่าวว่าเมื่อผู้พิการร้องทุกข์ต่อ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ว่าขึ้นรถเมล์และรถแท็กซี่ไม่สะดวก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กลับโยนให้สมาคมผู้พิการไปร้องทุกข์ต่อ รมว.คมนาคม ซึ่งกำกับดูแล ขสมก. โดยอ้างว่า กทม.ไม่มีอำนาจ นี่คือตัวอย่างของปัญหาที่เกิดจากการทำงานแบบต่างคนต่างทำแบบมีรอยต่อ ซึ่งพรรคเพื่อไทยอยากเข้ามาแก้ไข ซึ่งหาก พล.ต.อ.พงศพัศมีโอกาสได้เป็นผู้ว่าฯ กทม.จะไม่มีการโยนความรับผิดชอบให้หน่วยงานอื่น แต่ กทม. จะทำหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ปัญหาได้รับการแก้ไข เมื่อประชาชนแจ้งปัญหาให้ กทม.ทราบ ปัญหาจะได้รับการแก้ไขแบบวันสต็อปเซอร์วิส ซึ่งนี่คือจุดเด่นของการทำงานแบบไร้ร่อยต่อกับรัฐบาล ซึ่งเชื่อว่าประชาชนจะได้รับประโยชน์มากกว่า” ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าว

รองโฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวต่อว่า ตรงกันข้ามหาก กทม.ตกอยู่ในมือของคนที่มีอคติกับรัฐบาล คนที่จะเสียประโยชน์มากที่สุด คือ พี่น้องชาว กทม.ที่อาจไม่ได้รับความสะดวกและไม่ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากนโยบายของรัฐบาล เพียงเพราะอคติส่วนตัวของคนไม่กี่คนที่ต้องการกีดกันไม่ให้อีกฝ่ายมีผลงาน และอันที่จริง แม้ กทม.จะเป็นเขตปกครองพิเศษ แต่ก็ไม่ได้เป็นอิสระหรือเป็นเอกเทศอย่างเด็ดขาดจากรัฐบาลอยู่แล้ว เพราะทั้ง กทม.และรัฐบาลมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายหลายด้านที่ซ้ำซ้อนกัน เช่น การการแก้ปัญหาจราจร การรักษาความสะอาด หรือการขุดลอกคูคลอง เป็นต้น หาก กทม.และรัฐบาลสามารถทำงานแบบไร้รอยต่อก็จะทำให้การแก้ปัญหาเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และยังไม่สิ้นเปลืองงบประมาณอีกด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น