รมว.กลาโหมโยนซัก “เหลิม” จ้อเผากล้องวงจรปิดไม่เกี่ยวไฟใต้ ยันปรับปรุงมาตรการให้ดีขึ้น โอ่สถานการณ์เริ่มดีจับหัวหน้าใหญ่อาร์เคเคได้ ขอรออีกนิดจะดีขึ้น ชี้เลขาฯ สมช.บอกสัญญาณก่อเหตุใหญ่ต้องระแวงไว้ก่อน ไม่ว่ากัน ศธ.ปัดข้อเสนอส่ง ตชด.สอน
วันนี้ (16 ม.ค.) ที่กระทรวงกลาโหม เมื่อเวลา 11.30 น. พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีออกมาระบุถึงสาเหตุการเผากล้องซีซีทีวีในพื้นที่จังหวัดแดนภาคใต้เป็นเรื่องของธุรกิจว่า ต้องไปถาม ร.ต.อ.เฉลิมเอง ตนยังไม่ทราบเรื่องนี้ ได้อ่านจากสื่อว่าเป็นคู่แข่งไปเผาซึ่งตนไม่ทราบ ต้องรอดูผลการสอบสวนว่าออกมาอย่างไร ทางฝ่ายทหารก็ติดตามอยู่ ไม่ต้องถามว่าเมื่อเกิดเหตุเผาจะมีมาตรการอะไรหรือไม่ เพราะสิ่งที่ใช้ก็คือมาตรการเดิม แต่ปรับปรุงให้ดีขึ้น ซึ่งไม่จำเป็นต้องออกมาตรการใหม่ทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นวันสำคัญ หรือเทศกาลต่างๆ เราก็ดำเนินการตามมาตรการที่เข้มงวดทุกวัน ที่หน่วยงานความมั่นคงได้ดำเนินการ
“วันนี้สถานการณ์ดีขึ้น เขาก็เริ่มพยายามออกมาตอบโต้ ซึ่งเราก็จับได้หลายคน เดือนนี้จับได้ 5 คน รวมถึงหัวหน้าใหญ่ของขบวนการอาร์เคเคด้วย แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือของชาวบ้านในพื้นที่ อย่างที่บอกว่าต้องรออีกนิด ในปี 56 อะไรๆ ก็จะดีขึ้น สำหรับครูในพื้นที่เราก็ห่วงอยู่แล้ว ซึ่งไม่ได้ห่วงเป็นพิเศษเฉพาะวันครู หน่วยงานความมั่นคงดำเนินการเหมือนกันทุกวัน” พล.อ.อ.สุกำพลกล่าว
เมื่อถามว่า พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) บอกว่าการเผาซีซีทีวีเป็นการแสดงว่าจะมีการก่อเหตุครั้งใหญ่นั้น พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า เป็นสิ่งที่เราต้องระแวงก่อน ถ้าเกิดเหตุเช่นนี้แล้วจะมีอะไรต่อไปหรือไม่ เป็นสิ่งที่ดีที่เราต้องตระหนักไว้ ไม่ใช่ว่าไม่คิดอะไร คิดไว้ให้หนักไว้ก่อนก็ดี ถ้าไม่เกิดขึ้นก็ไม่เป็นไร ถ้าเกิดจะได้มีการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้น เพราะฉะนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ที่มองกันให้มากไว้ก่อน
เมื่อถามถึงกรณีทีกระทรวงศึกษาธิการไม่ตอบรับข้อเสนอของกลาโหมในการเสนอทหารทำการสอนแทนครูในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า เป็นเรื่องของกระทรวงศึกษาธิการว่าจะรับข้อเสนอหรือไม่ เราเป็นผู้เสนอ เพราะที่ผ่านมาทางทหารได้เคยดำเนินการหลายพื้นที่ทางภาคเหนือ เช่น ตชด. และครูทหาร ที่ไปสอนในโรงเรียนที่ขาดแคลน ถ้ากระทรวงศึกษาธิการไม่รับข้อเสนอก็ไม่ว่ากัน ซึ่งไม่ใช่ว่าเราเข้าไปสอนโดยพลการ วันนี้หน่วยงานของรัฐต้องเอื้อเฟื้อกัน ถ้ามีคุณสมบัติสามารถทำได้
“เหมือนกรณีที่กระทรวงกลาโหมเคยเสนอพื้นที่ในหน่วยงานของเหล่าทัพในการจัดเก็บข้าวเปลือกในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ซึ่งถ้าไม่ต้องการก็ไม่เป็นไร ไม่ว่ากัน ต้องดูแลกัน ช่วยเหลือกัน ไม่ใช่ทำเฉยให้เขาถามก่อน เรื่องนี้เราก็ได้เตรียมไว้ เป็นมิติใหม่ของกระทรวงกลาโหมที่มีอะไรช่วยเหลือได้ก็ช่วย ทั้งนี้ ได้คุยกับ รมว.ศึกษาธิการแล้ว อยู่ที่ว่าท่านจะแก้ไขอย่างไร ถ้ามีแนวทางอื่นที่ดีกว่าก็ดำเนินการไป ในส่วนของเราช่วยแก้ไขปัญหาที่ปลายน้ำเท่านั้น” รมว.กลาโหมกล่าว