รายงานการเมือง
เปิดศักราชใหม่ 2556 มาหนึ่งในเรื่องที่หลายคนจับตามองแม้แต่กับแกนนำรัฐบาลเพื่อไทยก็ยังยอมรับว่าเป็นอีกหนึ่งประเด็นการเมืองร้อนปีมะเส็ง ที่อาจส่งผลการเมืองทางใดทางหนึ่งกับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตรได้
นั่นก็คือเรื่องปมปราสาทเขาพระวิหาร ที่ประเมินกันไว้ว่าน่าจะมีความคืบหน้าและเห็นข้อสรุปทางคดีระหว่างไทย-กัมพูชาได้ภายในปีนี้
ที่น่าสนใจก็เพราะเรื่องเขาพระวิหารถูกหยิบยกเข้าไปหารือในวงประชุมด่วนผู้นำหน่วยความมั่นคงเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2556 หลังจากบรรดาบิ๊กเหล่าทัพที่ประกอบด้วย
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
เป็นการประชุมที่เกิดขึ้นหลัง ผบ.เหล่าทัพตบเท้าเข้าอวยพรปีใหม่ยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาลเสร็จ คาดว่าน่าจะมีการนัดหมายกันไว้ล่วงหน้าระหว่างนายกรัฐมนตรีกับผู้นำเหล่าทัพดังกล่าวไว้แล้ว
เหตุที่มีการนำเรื่องเขาพระวิหารไปหารือก็เพราะว่า ตามกำหนดเวลาแล้วในปีนี้คดีพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชาจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือไอซีเจ ที่จะเป็นขั้นตอนการฟังการแถลงคดีด้วยวาจาครั้งสุดท้ายจากทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชา ในช่วง 15-19 เมษายน 2556
หลังจากนั้นต้องรอว่าจะมีการนัดตัดสินคดีได้เมื่อใด แต่เบื้องต้นประเมินกันว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีการตัดสินคดีช่วงปลายปี 2556
โดยความสำคัญของคดีนี้ก็คือ อธิปไตยบนผืนแผ่นดินไทย กับพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรรอบปราสาทพระวิหาร ที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและพี่น้องคนไทยคงไม่ยอมให้ไปอยู่ในมือกัมพูชาได้แม้แต่ตารางนิ้วเดียว
ประเด็นนี้นับว่าสำคัญอย่างยิ่ง ไม่ใช่แค่กับเสถียรภาพของรัฐบาลยิ่งลักษณ์เท่านั้น แต่สำคัญกับอธิปไตยของประเทศ ซึ่งก็คาดว่าตัวยิ่งลักษณ์เองก็คงหวั่นไหวไม่น้อยกับผลแห่งคดีที่จะออกมาแล้วจะส่งผลต่อรัฐบาล
จึงทำให้มีข่าวออกมาผ่านการให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ.หลังหารือกับนายกรัฐมนตรีวันดังกล่าว ว่าที่ได้หารือกันก็ได้ข้อสรุปว่าจะมีการตั้งคณะทำงานติดตามความก้าวหน้าในด้านต่างๆ ในงานด้านความมั่นคงรวมถึงชายแดนด้านเขาพระวิหารด้วย
โดยจะมีการตั้งโฆษกขึ้นมาทำหน้าที่ชี้แจงในมิติความมั่นคงขึ้นมาโดยเฉพาะ เพราะรัฐบาลเป็นห่วงความรู้สึกประชาชนโดยกรณีข้อพิพาทเรื่องเขาพระวิหาร จะเป็นลักษณะของการแถลงข่าว หรือออกเป็นเอกสารข่าว เพราะไม่อยากให้คิดไปเอง อยากให้คิดทางบวก และอยากให้ทราบถึงข้อเท็จจริง
ถ้อยคำดังกล่าวของ ผบ.ทอ.แสดงให้เห็นว่า ยิ่งลักษณ์คงเริ่มมีความกังวลใจให้เห็นแล้วกับเรื่องเขาพระวิหารว่าจะเกิดผลอย่างใดกับรัฐบาลหรือไม่ ถึงขั้นต้องหยิบยกขึ้นไปหารือกับผู้นำเหล่าทัพ
และหากเป็นไปตามที่ ผบ.ทอ.ให้สัมภาษณ์ ก็หมายถึงว่า รัฐบาลจะไม่อยู่ในฝ่ายตั้งรับเรื่อง เขาพระวิหาร คือรอให้มีการตัดสินคดีออกมาก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกทีหนึ่ง แต่จะใช้วิธีรุกให้ข่าวในด้านต่างๆที่รัฐบาลต้องการสื่อสารกับประชาชน
ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้ก็คือ ไม่รู้ว่าสิ่งที่รัฐบาลต้องการสื่อสารกับประชาชนแต่เนิ่นๆ เรื่อง เขาพระวิหาร จะให้ความจริงครบกับประชาชนหรือไม่ หรือจะให้ข้อมูลเฉพาะที่อยากนำเสนอ
แต่ข้อเท็จจริงรอบด้านของคดีเขาพระวิหาร ที่เป็นปมเหตุทำไมถึงเกิดข้อพิพาทขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชา รัฐบาลกลับหลีกเลี่ยงหรือบิดเบือนไม่นำเสนอ
อันนี้ก็ยังไม่อยากกล่าวโทษล่วงหน้าเพราะยังไม่รู้ว่ารัฐบาลจะทำอย่างไร และทำไมต้องรีบทำตั้งแต่ตอนนี้ ต้องให้โอกาสรัฐบาลตรงนี้ก่อน
แต่เตือนไว้ล่วงหน้าว่าเรื่องเขาพระวิหาร ประชาชนจำนวนมากติดตามมาตลอดหลายคนรู้ข้อมูลความเป็นไปทั้งหมดดีกว่าคนในรัฐบาลเสียอีก โดยเฉพาะพันธมิตรฯ
หากรัฐบาลคิดจะสื่อสารความจริงไม่หมด หรือเสนอความจริงบิดเบือนเพื่ออำพรางข้อเท็จจริงบางอย่างในเรื่องเขาพระวิหารและการสู้คดีในศาล รับรองได้ว่าโดนปลอกเปลือกแน่นอน
เพราะยังไม่ทันจะสู้คดีนัดสุดท้ายก็ปรากฏว่า ตัวผู้นำกระทรวงการต่างประเทศสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัย กุลออกมาพูดทำนองสู้ไม่เต็มร้อยเสียแล้ว มาพูดได้ไงว่าคดีนี้มีแต่แพ้กับเสมอ แล้วอย่างนี้ คณะทีมงานสู้คดีจะรู้สึกอย่างไร
“มองตั้งแต่ตอนมารับตำแหน่งแล้วว่าคดีนี้มีแต่แพ้กับเสมอตัว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไรต้องยอมรับ แต่หนักใจที่คนส่วนหนึ่งจะไม่เข้าใจเท่านั้นเอง”
ที่ระบุว่าคนส่วนหนึ่ง คือคนส่วนไหนที่บอกว่าจะไม่เข้าใจ พูดมาให้ชัด บอกมาเลยหากแน่จริง
คนอย่างสุรพงษ์ แค่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้ว ทีมงานสู้คดีที่เขารักชาติ เขาเชื่อมั่นว่ามีโอกาสชนะ เขาก็ทำงานเต็มที่ สู้เต็มกำลัง ตัวสุรพงษ์เป็น รมว.บัวแก้ว แม้ไม่ใช่ทีมงานสู้คดี แต่ด้วยตำแหน่งหน้าที่ก็ต้องรักษาบทบาทให้เหมาะสมด้วย ถ้าไม่อยากสู้ก็ถอยไปเลย
แม้จะเหลือเวลาอีกหลายเดือนกว่าคดีเขาพระวิหารจะกลับมาฮอตอีกครั้ง แต่ก็ต้องคอยติดตามกระบวนการของรัฐบาลในการสื่อสารกับประชาชนเรื่องนี้ให้ดี
มันน่าแปลกที่ทำไมรัฐบาลดูจะตื่นตัวกับการพยายามจะชี้แจงเรื่องนี้แต่เนิ่นๆ ทั้งที่กว่ามีการแถลงคดีก็ตั้งเดือนเมษายน และกว่าศาลจะตัดสินก็คาดกันว่าหลังจากนั้นอีกประมาณ 6 เดือน ก็ปาเข้าไปเกือบปลายปีแล้ว
แต่ปรากฏว่าตัวสุรพงษ์รีบออกมาบอกแต่เนิ่นๆ จะให้กระทรวงการต่างประเทศเร่งให้ความรู้กับคนไทยในเรื่องพระวิหารอย่างต่อเนื่องในปี 2556 โดยนอกจากการทำสารคดีและรายการต่างๆ แล้ว ยังจะหารือกับรมว.มหาดไทยเพื่อจะให้ผู้แทนกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ ไปร่วมอธิบายประเด็นปราสาทพระวิหารให้ ผวจ.เพื่อจะได้นำไปถ่ายทอดต่อไป พร้อมกับทำเอกสารสรุปเพื่อแจกจ่ายประชาชน
ดูอาการของ “ยิ่งลักษณ์-สุรพงษ์” เรื่องเขาพระวิหารตั้งแต่ต้นปีแล้ว บอกได้เลยว่า มีอะไรทะแม่งๆ หรือเพราะหวั่นไหวว่าเรื่องนี้จะเป็นประเด็นมาโค่นล้มรัฐบาล?