โฆษกเพื่อไทย แบไต๋ 25 ธ.ค.หารือชำเรา รธน. พร้อมพิจารณาไอเดีย “เหลิม” แก้รายมาตรา ก่อนไปสัมมนาที่เขาใหญ่หลังปีใหม่ ยันในพรรคไม่แตกแยกหลังกังวลต้องทำให้ได้ 24 ล้านเสียง โต้ ปชป.หาแก้ ม.309 เอื้อทักษิณ อ้างถูกบิดเบือน ปัด ส.ส.-ส.ก.-ส.ข.ตีกันชิงเสนอผู้สมัครชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. อ้างเกือบได้ตัวแล้ว แต่รอหลังคนปัจจุบันหมดวาระ
วันนี้ (23 ธ.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ในการประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทย วันที่ 25 ธ.ค.นี้ ทางพรรคจะมีการหารือถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในวาระที่ 3 รวมถึงเรื่องการทำประชามติ และจะมีการพิจารณาข้อเสนอของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ที่เสนอให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา รวมทั้งข้อเสนอ 9 ข้อของสมาชิกพรรค เพื่อให้ได้ข้อยุติ พร้อมทั้งพิจารณาข้อเสนอของคณะทำงานเพื่อศึกษาการทำประชามติของรัฐบาลที่จะมีการประชุมในวันที่ 24 ธ.ค.ด้วย เพื่อรับฟังความเห็นของทุกภาคส่วน
ต่อจากนั้นจะนำข้อสรุปดังกล่าวไปหารือร่วมกันในการสัมมนาพรรคเพื่อไทยที่เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา ระหว่างวันที่ 6-7 ม.ค. 2556 ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีจะเดินทางมาเข้าร่วมการสัมมนาด้วย หลังจากนั้นจะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมพรรคในวันที่ 8 ม.ค. 2556 ต่อไป ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย รับฟังความคิดเห็นขอทุกฝ่าย เพื่อให้ตกผลึกและเกิดการมีส่วนร่วมนำไปสู่การแก้ไขกฎหมายสูงสุดของประเทศ
นายพร้อมพงศ์กล่าวต่อว่า หลายฝ่ายห่วงว่าพรรคเพื่อไทยมีความเห็นต่าง เพราะเสียงส่วนหนึ่งต้องการให้ทำประชามติ แต่ยังห่วงเรื่องเสียงผู้มาออกมาใช้สิทธิ ซึ่งต้องมีอย่างน้อย 24 ล้านเสียง อีกทั้ง ร.ต.อ.เฉลิมยังต้องการแก้ไขรายมาตรา และสมาชิกพรรคต้องการให้ลงมติในวาระที่ 3 แต่ทั้งนี้ยืนยันพรรคเพื่อไทยไม่ได้แตกแยก ทุกฝ่ายต้องฟังเหตุผลในการประชุมพรรค และจะต้องเคารพ เจตนารมณ์ของพรรคเพื่อไทยที่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาจากรากเหง้าเผด็จการ โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมกำหนดตัวกติกาใหม่
ส่วนกรณีที่นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นการแก้ไขมาตรา 309 เพื่อประโยชน์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายรัฐมนตรีนั้น นายพร้อมพงศ์กล่าวว่า นายองอาจและสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์กำลังบิดเบือนความจริง เพราะการแก้ไขมาตรา 309 เป็นเรื่องของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ซึ่งวันนี้ยังไม่มีการแก้ไขมาตรา 291 ถึงแม้จะมีการแก้ไขมาตรา 309 ในอนาคต เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะมาตรา 309 เป็นการรับรองการรัฐประหารในอดีต ตนแปลกใจทำไมนายองอาจและนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์พยายามจะอุ้มการกระทำของรัฐประหาร ทั้งที่มาตรา 309 เป็นมาตราที่รับรองความชอบของการยึดอำนาจที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
“ผมแปลกใจทำไมสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ถึงโจมตีและบิดเบือนว่าการแก้มาตรา 309 จะเป็นเครื่องมือให้รัฐบาลเอื้อประโยชน์ต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ถึงจะแก้มาตรา 309 ก็ไม่เกี่ยวกัน ผมมองว่าประชาชนได้เห็นธาตุแท้ของนายอภิสิทธิ์และนายองอาจ ที่พยายามนำมาตรา 309 มาเป็นประเด็นโจมตี พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามใช้มาตรา 309 เป็นข้ออ้างในการไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ” นายพร้อมพงศ์กล่าว
โฆษกพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยจะนำความสงบสุขและความปรองดองการกินดีอยู่ดีมาเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนในปี 2556 ถ้าอธิษฐานได้ขอให้ฝ่ายค้านเล่นการเมืองอย่างสร้างสรรค์เพื่อประชาชน เพื่อประเทศชาติ
นอกจากนี้ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรระหว่างวันที่ 26-27 ธ.ค. มีการปล่อยข่าวว่าจะมีการนำเสนอร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ พ.ศ. .... เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรด้วยนั้น พรรคเพื่อไทยยืนยันว่าจะไม่มีการนำเสนอกฎหมายดังกล่าวเข้าสู่สภาฯ อย่างแน่นอน แต่จะเป็นเรื่องการนำเสนอกฎหมายที่ค้างในการประชุมรัฐสภาสมัยที่ผ่านมาพิจารณาเท่านั้น
นายพร้อมพงศ์ยังแถลงถึงกรณีที่มีหลายฝ่ายแสดงความคิดเห็นว่ามีความขัดแย้งเกิดขึ้นภายในพรรคเพื่อไทย ทั้งแกนนำพรรค ส.ส. ส.ก. และ ส.ข. เรื่องการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.นั้นว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง ทางพรรคเพื่อไทยได้เตรียมความพร้อมส่งผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. โดยการประชุมพรรควันที่ 25 ธ.ค.นี้จะมีการหารือเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับ ส.ส. ส.ก. และส.ข. พร้อมทั้งเตรียมความพร้อมจัดทำนโยบายต่างๆ ซึ่งขณะนี้พรรคได้ดำเนินการไปเกือบ 100 เปอร์เซนต์แล้ว
ส่วนนโยบายของผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.เองนั้นก็จะมีนโยบายเฉพาะ และมีการเตรียมการนำเสนอเช่นกัน ทั้งนี้ ทางคณะกรรมการ 3 โซนของ กทม.จะส่งรายชื่อผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ต่อคณะกรรมการบริหารพรรคในวันที่ 10 ม.ค. 56 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของวันดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.คนปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีความขัดแย้งเกิดขึ้นในพรรค เพราะ ส.ส. ส.ก. ส.ข. และแกนนำพรรคจะร่วมใจนำนโยบายที่ดี เพื่อแก้ไขปัญหาให้คน กทม.ให้เป็นเมืองแห่งการสร้างรายได้ของประชาชน